Exness: Premium Trading on Forex, Gold & Crypto. Your search for the BEST SPREAD ends here!
การเทรด Forex เป็นการลงทุนที่มีความท้าทายและโอกาสในการทำกำไรที่สูง แต่เพื่อประสบความสำเร็จในตลาดนี้ นักเทรดจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและสามารถนำไปใช้ได้จริง ปี 2024 นี้มีหลายกลยุทธ์ที่มือใหม่ต้องศึกษาเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยง วันนี้เราจะมาดูกลยุทธ์การเทรดที่น่าสนใจ 12 กลยุทธ์ที่ควรเรียนรู้
Scalping เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการเปิดและปิดคำสั่งในระยะเวลาสั้น ๆ โดยมีเป้าหมายคือการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กมาก นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้ต้องทำการเทรดหลายครั้งต่อวันโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น อินดิเคเตอร์ Moving Average หรือ Bollinger Bands เพื่อหาจุดเข้าและออกที่เหมาะสม
Day Trading เป็นการเทรดที่เน้นการซื้อขายภายในวันเดียวกัน โดยไม่เก็บคำสั่งค้างไว้ข้ามคืน กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้ที่มีเวลามากพอในการติดตามการเคลื่อนไหวของตลาด การวิเคราะห์เทรนด์และกราฟราคาในกรอบเวลาสั้นๆ เช่น กรอบเวลา 15 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง จะช่วยให้นักเทรดสามารถหาจังหวะในการเปิดคำสั่งซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์นี้เป็นการเทรดที่ใช้เวลาในการเก็บคำสั่งซื้อขายในระยะกลางตั้งแต่หลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ กลยุทธ์นี้เน้นการจับเทรนด์ระยะกลาง โดยใช้การวิเคราะห์กราฟในกรอบเวลายาวขึ้น เช่น กรอบเวลา 4 ชั่วโมงหรือ 1 วัน เพื่อตรวจจับจุดกลับตัวของตลาดหรือเทรนด์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
กลยุทธ์ตามเทรนด์เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักเทรดทั้งมือใหม่และมืออาชีพ เนื่องจากการเทรดตามทิศทางของเทรนด์หลักมักจะเป็นการเทรดที่มีโอกาสทำกำไรสูง โดยใช้เครื่องมือช่วยในการหาสัญญาณเช่น Moving Average และ MACD เพื่อยืนยันทิศทางของเทรนด์และจังหวะในการเปิดคำสั่ง
Breakout เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการเปิดคำสั่งเมื่อราคาฝ่าด่านแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ กลยุทธ์นี้มักใช้ในการเทรดช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง การเทรดตาม Breakout จะช่วยให้นักเทรดสามารถเข้าไปในจังหวะที่ตลาดเริ่มเคลื่อนที่แรงและทำกำไรได้จากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
Carry Trade เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน การเปิดคำสั่งซื้อขายในสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงและขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ นักเทรดสามารถทำกำไรได้ทั้งจากการเคลื่อนไหวของราคาและส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย
Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์จุดกลับตัวของราคา กลยุทธ์นี้มักจะใช้ในการหาจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัวหรือทำการย่อตัวเพื่อหาจุดเข้าซื้อขายที่ดี โดยการใช้ระดับ Fibonacci เช่น 38.2%, 50%, และ 61.8% ในการหาจุดที่ราคามักจะกลับตัว
RSI (Relative Strength Index) เป็นอินดิเคเตอร์ที่ช่วยวัดความแรงของเทรนด์และบอกจุดที่ตลาดมีการซื้อขายมากเกินไปหรือขายมากเกินไป กลยุทธ์นี้เน้นการซื้อเมื่อ RSI ต่ำกว่า 30 (ตลาดขายมากเกินไป) และขายเมื่อ RSI สูงกว่า 70 (ตลาดซื้อมากเกินไป)
Bollinger Bands เป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ความผันผวนของตลาด กลยุทธ์นี้มักใช้ในการหาจุดเข้าซื้อขายเมื่อราคาเคลื่อนไหวใกล้กับเส้นขอบบนหรือล่างของ Bollinger Bands การเทรดเมื่อราคากลับไปทดสอบเส้นขอบเหล่านี้สามารถช่วยให้นักเทรดทำกำไรจากการกลับตัวของราคาได้
Position Trading เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการเก็บคำสั่งซื้อขายในระยะยาวตั้งแต่หลายเดือนถึงหลายปี กลยุทธ์นี้เหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อสกุลเงินต่างๆ การเทรดในลักษณะนี้จะเน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมากกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิค
Price Action เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาโดยไม่ใช้อินดิเคเตอร์เพิ่มเติม การเทรดตาม Price Action มักใช้กราฟแท่งเทียน (Candlestick) เพื่อหาสัญญาณกลับตัวและจุดเข้าซื้อขาย กลยุทธ์นี้ต้องการความเชี่ยวชาญในการอ่านกราฟและการประเมินสภาพตลาดแบบละเอียด
การเทรดด้วยข่าวสารเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกที่มีผลกระทบต่อตลาดการเงิน เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ การประชุมของธนาคารกลาง และเหตุการณ์ทางการเมือง นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์นี้ต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ข่าวและความสัมพันธ์กับตลาด Forex ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูง
กลยุทธ์การเทรดทั้ง 12 รูปแบบนี้เป็นแนวทางที่นักเทรดในปี 2024 ควรศึกษาและนำไปปรับใช้ตามสไตล์การเทรดของตนเอง แต่ละกลยุทธ์มีจุดเด่นและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน การศึกษาข้อมูลและทดสอบกลยุทธ์ผ่านบัญชี Demo จะช่วยให้นักเทรดสามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด