Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

สอบถามเกี่ยวกับการเทรด Forex โบรกเกอร์ต่างๆจะได้อะไรจากเราบ้าง

การเทรด Forex หรือการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นักเทรดหลายคนเข้ามาในตลาด Forex ด้วยความหวังที่จะสร้างรายได้จากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน แต่ในขณะเดียวกัน โบรกเกอร์ที่ให้บริการเทรด Forex เองก็มีผลประโยชน์ที่จะได้รับจากนักเทรดเช่นกัน คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “โบรกเกอร์จะได้อะไรจากเราบ้าง?” บทความนี้จะวิเคราะห์และเจาะลึกถึงผลประโยชน์และรายได้ที่โบรกเกอร์ Forex ได้รับจากนักเทรด

รายได้หลักของโบรกเกอร์ Forex

โบรกเกอร์ Forex ได้รับรายได้หลักจากการทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ รายได้หลักของพวกเขามาจากหลายแหล่ง เช่น:

  1. สเปรด (Spread): สเปรดคือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของคู่สกุลเงิน โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะเก็บสเปรดจากการเทรดทุกครั้งที่นักเทรดทำธุรกรรม ยิ่งสเปรดกว้างเท่าใด โบรกเกอร์ก็ยิ่งได้รายได้มากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ IC Markets และ Pepperstone มีชื่อเสียงในการให้บริการสเปรดที่แคบมาก ซึ่งหมายความว่านักเทรดต้องจ่ายค่าสเปรดน้อยลงเมื่อเทรด แต่โบรกเกอร์ยังคงได้รายได้จากปริมาณการเทรดที่สูงขึ้น

  2. ค่าคอมมิชชั่น (Commission): บางโบรกเกอร์ เช่น Exness และ FXTM อาจเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมจากการทำธุรกรรม โดยเฉพาะสำหรับบัญชีประเภท ECN (Electronic Communication Network) ซึ่งมีการเสนอราคาที่ใกล้เคียงกับตลาดจริง ค่าคอมมิชชั่นนี้เป็นรายได้เสริมที่โบรกเกอร์ได้รับนอกเหนือจากสเปรด

  3. ดอกเบี้ยจากการโรลโอเวอร์ (Rollover Interest): โบรกเกอร์บางรายได้รับรายได้จากดอกเบี้ยที่เกิดจากการโรลโอเวอร์ หรือการย้ายตำแหน่งเปิดข้ามคืน โดยเฉพาะในกรณีที่นักเทรดเปิดตำแหน่งที่มีความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงิน ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ที่มีแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) อาจเสนอให้บริการการโรลโอเวอร์และได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่เก็บได้

  4. การให้บริการเสริม (Additional Services): บางโบรกเกอร์ให้บริการเสริมเพิ่มเติมที่คิดค่าใช้จ่าย เช่น การให้บริการ VPS (Virtual Private Server) สำหรับการเทรดอัตโนมัติ การให้บริการสัญญาณเทรด (Trading Signals) หรือการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisory) เช่น XM และ Admiral Markets ที่ให้บริการเหล่านี้เพื่อเพิ่มรายได้และเสริมสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้า

ตัวอย่างและกรณีศึกษา

ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ Exness มีการเก็บค่าคอมมิชชั่นในบางประเภทของบัญชีเทรด โดยเฉพาะบัญชีแบบ Raw Spread ที่เสนอให้สเปรดที่ต่ำมาก แต่จะมีค่าคอมมิชชั่นสำหรับทุกการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้นักเทรดที่มีปริมาณการเทรดสูงมีโอกาสที่จะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นมากขึ้น รายได้จากค่าคอมมิชชั่นนี้ถือเป็นรายได้สำคัญสำหรับ Exness ซึ่งช่วยให้สามารถรักษาบริการที่มีคุณภาพและเสถียรภาพสูงได้

อีกกรณีหนึ่ง โบรกเกอร์อย่าง FXTM ใช้การโรลโอเวอร์เป็นแหล่งรายได้เสริม โดยมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการโรลโอเวอร์สำหรับตำแหน่งที่เปิดข้ามคืน โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง โบรกเกอร์สามารถสร้างรายได้จากดอกเบี้ยส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่นักเทรดถือครอง

โบรกเกอร์ NDD และการประกันสภาพคล่อง

โบรกเกอร์ประเภท NDD (No Dealing Desk) เช่น IC Markets และ Pepperstone จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งคำสั่งซื้อขายของนักเทรดไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) โดยตรง โดยโบรกเกอร์จะได้รับรายได้จากสเปรดและค่าคอมมิชชั่นเท่านั้น ในขณะที่โบรกเกอร์ประเภท DD (Dealing Desk) จะทำการเปิดสถานะตรงข้ามกับนักเทรด และอาจมีความเสี่ยงในการสูญเสียหากนักเทรดทำกำไร แต่โบรกเกอร์ประเภทนี้สามารถปรับแต่งสเปรดและค่าคอมมิชชั่นได้ตามที่ต้องการเพื่อเพิ่มรายได้

การจัดการความเสี่ยงและการรักษาความโปร่งใส

โบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงมักจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีการกำกับดูแลโดยหน่วยงานทางการเงินที่มีชื่อเสียง เช่น CySEC, FCA หรือ ASIC เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการทุกอย่างมีความโปร่งใสและปลอดภัย นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยี ECN/STP (Straight Through Processing) ช่วยให้โบรกเกอร์สามารถส่งคำสั่งซื้อขายของนักเทรดไปยังตลาดโดยตรงโดยไม่มีการแทรกแซง ซึ่งช่วยลดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างโบรกเกอร์และนักเทรด

ข้อสรุป

โบรกเกอร์ Forex ได้รับรายได้จากหลายช่องทาง เช่น สเปรด ค่าคอมมิชชั่น ดอกเบี้ยจากการโรลโอเวอร์ และการให้บริการเสริม รายได้เหล่านี้ช่วยให้โบรกเกอร์สามารถรักษาคุณภาพของบริการและการสนับสนุนลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรทำความเข้าใจถึงโครงสร้างค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขการให้บริการของโบรกเกอร์แต่ละราย เพื่อให้สามารถเลือกใช้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการและสไตล์การเทรดของตนได้ดีที่สุด.