Exness: Premium Trading on Forex, Gold & Crypto. Your search for the BEST SPREAD ends here!
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมในตลาดการลงทุน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ได้แก่ Contract for Difference (CFD) และ Futures ทั้งสองเครื่องมือมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ แต่มีความแตกต่างที่สำคัญในเรื่องของโครงสร้างสัญญาและรูปแบบการเทรด ในบทความนี้เราจะเจาะลึกถึงความแตกต่างระหว่าง CFD และ Futures รวมถึงแพลตฟอร์มที่ให้บริการการเทรดเหล่านี้
Contract for Difference (CFD) เป็นสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างนักลงทุนและโบรกเกอร์ โดยนักลงทุนจะได้รับหรือเสียเงินตามส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่เปิดและปิดสัญญา CFD มีความยืดหยุ่นสูง นักลงทุนไม่จำเป็นต้องครอบครองสินทรัพย์จริง แต่สามารถเก็งกำไรได้จากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ เช่น หุ้น ดัชนี สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์
แพลตฟอร์มที่ให้บริการการเทรด CFD ที่มีชื่อเสียง เช่น eToro และ Plus500 นำเสนอตลาดที่กว้างขวางสำหรับนักลงทุนในการเลือกเทรด CFD ในสินทรัพย์หลากหลายประเภท นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง โดยเปิดตำแหน่ง "long" เมื่อคาดว่าราคาจะขึ้น และเปิดตำแหน่ง "short" เมื่อคาดว่าราคาจะลดลง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) คือข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ตามราคาที่กำหนดในปัจจุบัน แต่การส่งมอบสินทรัพย์นั้นจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งสัญญานี้มีมาตรฐานที่ชัดเจนในเรื่องของปริมาณ คุณภาพ และเวลาส่งมอบ Futures ใช้ในการเก็งกำไรหรือการป้องกันความเสี่ยง (hedging) ซึ่งต่างจาก CFD ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบสินทรัพย์จริง
ในประเทศไทย สัญญาซื้อขายล่วงหน้าสามารถซื้อขายได้ในตลาดที่มีการควบคุม เช่น ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) ซึ่งเป็นตลาดที่เน้นการซื้อขาย Futures ของสินทรัพย์เช่น ดัชนีหุ้น SET50, ทองคำ และน้ำมันดิบ ตลาดนี้มีการควบคุมที่ชัดเจนตามกฎหมาย และการซื้อขาย Futures จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แม้ว่า CFD และ Futures จะเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้ในการเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ แต่ทั้งสองมีความแตกต่างที่สำคัญในหลายด้าน:
การส่งมอบสินทรัพย์: Futures มีการกำหนดวันที่ส่งมอบสินทรัพย์จริงอย่างชัดเจน โดยทั่วไปจะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามาก เช่น น้ำมันดิบ ทองคำ หรือสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ในขณะที่ CFD ไม่มีการส่งมอบสินทรัพย์จริง การเทรด CFD เป็นเพียงการเก็งกำไรจากความแตกต่างของราคาเท่านั้น
โครงสร้างของสัญญา: สัญญาซื้อขายล่วงหน้า Futures มีมาตรฐานที่เข้มงวดเกี่ยวกับจำนวน ปริมาณ และคุณภาพของสินทรัพย์ที่ถูกซื้อขาย นักลงทุนต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยตลาดที่เทรด เช่น TFEX ในขณะที่ CFD เป็นสัญญาที่ไม่มีมาตรฐานชัดเจน นักลงทุนสามารถเปิดตำแหน่งในปริมาณเงินที่ตนเองต้องการได้ตามเงื่อนไขของโบรกเกอร์
ตลาดการเทรด: Futures ถูกเทรดในตลาดที่มีการควบคุม เช่นตลาด TFEX ในประเทศไทย หรือตลาด CME (Chicago Mercantile Exchange) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งการซื้อขายจะถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล ในทางกลับกัน CFD มักถูกเทรดในตลาด OTC (Over-the-Counter) หรือการซื้อขายที่เกิดขึ้นโดยตรงระหว่างนักลงทุนและโบรกเกอร์โดยไม่มีการเทรดผ่านตลาดกลาง
เลเวอเรจ: การเทรด CFD มักใช้เลเวอเรจสูง ซึ่งเป็นการกู้เงินจากโบรกเกอร์เพื่อลงทุนในจำนวนเงินที่มากกว่าที่นักลงทุนมี ทำให้สามารถเปิดตำแหน่งขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ในขณะที่ Futures ก็สามารถใช้เลเวอเรจได้เช่นกัน แต่เลเวอเรจใน Futures อาจมีข้อจำกัดที่เข้มงวดกว่าและขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของตลาด
การหมดอายุของสัญญา: Futures มีวันหมดอายุที่ชัดเจน นักลงทุนจะต้องปิดสถานะภายในวันที่กำหนดหรือทำการส่งมอบสินทรัพย์จริงตามเงื่อนไขของสัญญา ในขณะที่ CFD ไม่มีการหมดอายุของสัญญาที่ชัดเจน นักลงทุนสามารถถือสถานะไว้ได้ตราบเท่าที่ต้องการ
สำหรับนักลงทุนที่สนใจเทรด CFD และ Futures การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการเข้าถึงตลาดและบริหารความเสี่ยง แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและมีการให้บริการที่ดีสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงได้:
eToro: แพลตฟอร์มการเทรดที่มีชื่อเสียงในการให้บริการ CFD โดยเน้นที่การเทรดในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ดัชนี สกุลเงิน และคริปโทเคอร์เรนซี eToro ยังมีระบบการคัดลอกการเทรด (Copy Trading) ที่ช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถคัดลอกกลยุทธ์การเทรดของนักลงทุนมืออาชีพได้
Plus500: เป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการการเทรด CFD อย่างครบวงจรในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโทเคอร์เรนซี Plus500 มีการนำเสนอเลเวอเรจที่สูงและมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดที่มองหาโอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนของตลาด
ตลาด TFEX: สำหรับการเทรด Futures นักลงทุนในประเทศไทยสามารถเข้าเทรดได้ผ่านตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) ซึ่งเป็นตลาดที่มีการควบคุมโดยตรงจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) การเทรด Futures ผ่าน TFEX มีสินทรัพย์ให้เลือกมากมาย เช่น ดัชนีหุ้น SET50 และทองคำ ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้ในการเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในอนาคต
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า CFD และ Futures มีลักษณะคล้ายกันในเรื่องของการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ แต่มีความแตกต่างที่สำคัญในเรื่องของโครงสร้างสัญญาและวิธีการเทรด การทำความเข้าใจในข้อดีและข้อเสียของแต่ละเครื่องมือจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับความต้องการและเป้าหมายของตนเองในการลงทุน