Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

องค์ความรู้ที่จำเป็นสำหรับ SYSTEM TRADER และการลงทุนอย่างเป็นระบบ

If you need free forex signals or any assistance regarding forex, contact Tg:Joanne0fx

การเทรดและการลงทุนอย่างเป็นระบบ หรือที่รู้จักกันในชื่อ System Trading เป็นแนวทางในการลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ความพิเศษของการลงทุนประเภทนี้คือ การใช้หลักการเชิงคณิตศาสตร์และสถิติเข้ามาในการตัดสินใจ โดยมีการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง (Backtesting) และการใช้ Algorithm เป็นเครื่องมือสำคัญ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงองค์ความรู้ที่จำเป็นสำหรับ System Trader รวมถึงการนำไปใช้ในการลงทุนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เข้าใจถึงการเทรดประเภทนี้อย่างถ่องแท้

1. องค์ความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับ System Trader

องค์ความรู้พื้นฐานที่ System Trader ควรมีประกอบด้วยการวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) และการเข้าใจตลาดทุนอย่างละเอียด การวิเคราะห์เชิงเทคนิคเป็นการศึกษาและคาดการณ์แนวโน้มราคาของสินทรัพย์โดยอิงจากข้อมูลในอดีต เช่น กราฟราคา ปริมาณการซื้อขาย และเครื่องมืออื่น ๆ เช่น Moving Averages หรือ Bollinger Bands

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ System Trader ต้องมีความรู้คือความเข้าใจเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์และการเขียนโค้ด เพราะการเทรดแบบเป็นระบบจำเป็นต้องพัฒนาและปรับแต่งกลยุทธ์การลงทุนอย่างละเอียด การใช้ภาษาการเขียนโปรแกรม เช่น Python หรือ MQL (MetaQuotes Language) สำหรับแพลตฟอร์ม MetaTrader เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับ System Trader ที่ต้องการออกแบบและทดสอบกลยุทธ์

2. การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง (Backtesting) และการจำลองการเทรด (Simulation)

Backtesting เป็นกระบวนการที่ใช้ทดสอบกลยุทธ์การลงทุนด้วยข้อมูลตลาดย้อนหลัง เพื่อดูว่ากลยุทธ์นั้นสามารถทำกำไรได้หรือไม่ การทดสอบกลยุทธ์นี้ทำให้ System Trader สามารถเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของระบบได้โดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง การ Backtesting ต้องการข้อมูลตลาดที่ละเอียด เช่น ข้อมูลการซื้อขายรายวัน หรือข้อมูลแท่งเทียน (Candlestick Data) ที่สามารถหาจากแพลตฟอร์มที่ให้บริการข้อมูลตลาด เช่น MetaTrader 4, TradingView หรือ Bloomberg

การใช้การจำลองการเทรด (Simulation) เป็นขั้นตอนต่อไปหลังจาก Backtesting การจำลองจะช่วยให้ System Trader เห็นผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ในตลาดปัจจุบันโดยไม่ต้องใช้เงินจริง การจำลองนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจในกลยุทธ์การลงทุน และทำให้มั่นใจได้ว่ากลยุทธ์นั้นเหมาะสมกับตลาดปัจจุบัน

3. แพลตฟอร์มการเทรดและซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับ System Trader

แพลตฟอร์มการเทรดและซอฟต์แวร์ที่ System Trader ใช้นั้นต้องรองรับการเขียนโปรแกรมเพื่อให้สามารถทดสอบและใช้กลยุทธ์ได้ ตัวอย่างเช่น MetaTrader 4 และ MetaTrader 5 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่มีการสนับสนุนการใช้ Algorithm ในการเทรด และมีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลาย

นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น NinjaTrader, cTrader และ TradeStation ซึ่งถูกออกแบบมาให้รองรับการเทรดแบบอัตโนมัติและการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังเช่นกัน สำหรับผู้ที่ใช้ Algorithm ขั้นสูง แพลตฟอร์มเช่น QuantConnect และ Alpaca เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะรองรับการเขียนโค้ดและการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อน

4. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ในการลงทุนอย่างเป็นระบบ

การบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของการลงทุนอย่างเป็นระบบ สำหรับ System Trader การจัดการความเสี่ยงต้องละเอียดและเป็นระบบ เนื่องจากความผันผวนของตลาดอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ วิธีการที่นิยมใช้คือการตั้งค่าระดับการขาดทุนสูงสุด (Stop Loss) เพื่อจำกัดการสูญเสียในกรณีที่ราคาสินทรัพย์เคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์

นอกจากนี้ การกระจายพอร์ตการลงทุน (Portfolio Diversification) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยง ด้วยการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น การลงทุนในคู่สกุลเงิน (Currency Pairs) หรือดัชนี (Indices) หลายตัวพร้อมกัน ซึ่งช่วยลดผลกระทบหากสินทรัพย์หนึ่งมีความผันผวนอย่างมาก

5. การติดตามและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ

แม้ว่า System Trader จะใช้การวิเคราะห์เชิงคณิตศาสตร์และสถิติในการเทรด แต่ก็จำเป็นต้องติดตามและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ เพราะสภาวะตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การใช้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน (Real-Time Data) และการติดตามข่าวสารเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่สำคัญในการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม

ในกรณีของการลงทุนใน Forex ข้อมูลเชิงเศรษฐกิจที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงิน เช่น ตัวเลขการว่างงาน อัตราดอกเบี้ย และนโยบายการเงิน มีผลกระทบต่อราคาสกุลเงินเป็นอย่างมาก การติดตามข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve), ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถช่วยให้ System Trader ตัดสินใจได้ดีขึ้น

บทสรุป

การเป็น System Trader และการลงทุนอย่างเป็นระบบนั้นต้องการองค์ความรู้ที่หลากหลาย ทั้งด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง การบริหารความเสี่ยง และการปรับกลยุทธ์ตามสภาพตลาด การเรียนรู้และฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในโลกของการลงทุนอย่างเป็นระบบ