ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายสำหรับ MT4 & MT5

MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงการเทรด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ แพลตฟอร์มเหล่านี้ให้ความยืดหยุ่นและฟีเจอร์ที่หลากหลายในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและดำเนินการซื้อขาย แต่การใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ยังมีค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้เทรดจำเป็นต้องทราบเพื่อการวางแผนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ค่าธรรมเนียมของ MT4 และ MT5: ข้อแตกต่างและความเหมือน

ถึงแม้ว่า MT4 และ MT5 จะมีฟังก์ชันพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างในด้านค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย

1. ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Spread และ Commission):

• ในแพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 สเปรด (Spread) เป็นหนึ่งในค่าธรรมเนียมหลักที่นักเทรดจะต้องชำระ ซึ่งเป็นความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) โดยทั่วไป สเปรดของ MT4 มักจะกว้างกว่า MT5 เล็กน้อย เนื่องจาก MT5 รองรับตลาดมากขึ้นและมีการดำเนินการคำสั่งซื้อที่รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้บางโบรกเกอร์อาจมีการคิดค่าคอมมิชชั่น (Commission) เพิ่มเติมในการดำเนินการซื้อขาย โดยเฉพาะในบัญชี ECN ที่มีสเปรดต่ำ

• ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ IC Markets ให้บริการทั้ง MT4 และ MT5 โดยมีค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่ประมาณ $3.50 ต่อล็อต ในบัญชี Raw Spread บนทั้งสองแพลตฟอร์ม ในขณะที่บัญชีแบบ Standard จะไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่จะมีสเปรดที่กว้างขึ้น

2. ค่าธรรมเนียมการฝากและถอน (Deposit & Withdrawal Fees):

• แพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 ไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงินจากตัวแพลตฟอร์มเอง แต่ค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ โดยโบรกเกอร์บางรายอาจมีการคิดค่าธรรมเนียมในการถอนเงิน ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ เช่น การโอนเงินผ่านธนาคารหรือการใช้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet)

• โบรกเกอร์ชื่อดัง เช่น XM ไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมการฝากและถอนเงินสำหรับการโอนผ่านธนาคารในท้องถิ่นและบริการ E-wallet อย่างไรก็ตาม การโอนเงินผ่านบัตรเครดิตหรือวิธีการอื่น ๆ อาจมีการคิดค่าธรรมเนียมจากทางธนาคารหรือผู้ให้บริการการเงิน

3. Swap (ค่าธรรมเนียมค้างคืน):

• Swap เป็นค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นเมื่อเทรดเดอร์ถือครองสถานะการซื้อขายข้ามคืน ค่าธรรมเนียมนี้จะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของคู่เงินหรือสินทรัพย์ที่เทรด หากเป็นการเทรดในตลาด Forex การคิด Swap ของ MT4 และ MT5 มักจะไม่แตกต่างกันมาก แต่โบรกเกอร์แต่ละรายจะมีอัตรา Swap ที่แตกต่างกันไป

• โบรกเกอร์เช่น Exness มี Swap ที่แตกต่างกันระหว่างคู่เงินและประเภทบัญชี การเทรดทองคำ (XAUUSD) จะมีอัตรา Swap ที่สูงกว่าคู่เงินในตลาด Forex เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ใช้ในตลาดทองคำ

4. ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ:

• นอกจากค่าธรรมเนียมหลักอย่าง Spread, Commission และ Swap แล้ว แพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานแพลตฟอร์ม เช่น ค่าใช้จ่ายในการสมัครใช้สัญญาณการซื้อขาย (Trading Signals) หรือการเช่าบริการ VPS เพื่อช่วยให้การเทรดดำเนินไปอย่างราบรื่นในทุกสถานการณ์

• ตัวอย่างของโบรกเกอร์อย่าง Pepperstone มีการให้บริการ VPS ฟรีสำหรับผู้ที่มีการเทรดถึงปริมาณที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดที่ต้องการเทรดด้วยความเร็วสูงและความเสถียรไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ความเหมาะสมในการเลือกแพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5

การเลือกใช้แพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรดและความสะดวกในการใช้งานของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป MT4 เหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้นการซื้อขาย Forex เท่านั้น ขณะที่ MT5 มีความยืดหยุ่นในการรองรับสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้น ฟิวเจอร์ส และคริปโตเคอเรนซี ซึ่งทำให้นักเทรดที่ต้องการลงทุนในหลายประเภทสินทรัพย์อาจพบว่า MT5 มีความสะดวกมากกว่า

การเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการใช้ MT4 และ MT5 จากโบรกเกอร์ยอดนิยม

1. IC Markets:

• MT4 และ MT5 มีสเปรดที่ต่ำเหมือนกัน ในบัญชี Raw Spread จะมีค่าคอมมิชชั่นประมาณ $7 ต่อล็อตในทั้งสองแพลตฟอร์ม

• บัญชี Standard ไม่มีค่าคอมมิชชั่นแต่สเปรดจะกว้างกว่าเล็กน้อย

• ไม่มีค่าธรรมเนียมการฝากและถอนเงินสำหรับการโอนในประเทศและการใช้ E-wallet

2. XM:

• ทั้ง MT4 และ MT5 มีบัญชีแบบไม่มีคอมมิชชั่น ซึ่งสเปรดเริ่มต้นที่ 1.0 pip บนคู่เงินหลัก

• XM ให้บริการบัญชีแบบ Zero Spread ซึ่งมีค่าคอมมิชชั่นประมาณ $3.5 ต่อล็อตต่อฝั่ง และสเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip

3. Pepperstone:

• MT4 และ MT5 ให้บริการบัญชีแบบ Razor ซึ่งมีสเปรดต่ำและค่าคอมมิชชั่นประมาณ $7 ต่อล็อตในทั้งสองแพลตฟอร์ม

• มีการให้บริการ VPS ฟรีสำหรับผู้ที่มีการเทรดปริมาณมาก ทำให้เทรดเดอร์สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้าน VPS ได้

สรุป

ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการใช้ MT4 และ MT5 นั้นมีความแตกต่างกันในบางจุด แต่โดยรวมแล้วทั้งสองแพลตฟอร์มมีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่คล้ายคลึงกัน การเลือกใช้แพลตฟอร์มใดนั้นขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์ที่คุณต้องการเทรดและข้อเสนอจากโบรกเกอร์ที่คุณเลือกใช้ สิ่งสำคัญคือการศึกษาค่าธรรมเนียมทั้งหมดก่อนเริ่มต้นเทรดเพื่อให้สามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ