บทนำ:
การซื้อขายในตลาด Forex มีองค์ประกอบหลายอย่างที่นักลงทุนจำเป็นต้องพิจารณา และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ในการลงทุนคือ "ค่า Swap" ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเมื่อถือครองตำแหน่งข้ามคืน ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์ว่า Swap มีความสำคัญอย่างไรต่อการลงทุนในตลาด Forex รวมถึงวิธีการคำนวณค่า Swap และวิธีที่นักลงทุนสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
ค่า Swap คืออะไร:
Swap ในตลาด Forex หมายถึงดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการถือครองตำแหน่งข้ามคืน ซึ่งเป็นผลมาจากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินสองสกุลที่นักลงทุนทำการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น การซื้อขายสกุลเงิน EUR/USD อาจทำให้เกิดดอกเบี้ยบวกหรือลบขึ้นอยู่กับทิศทางการเทรดและอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐ
ค่า Swap จะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อนักลงทุนไม่ปิดตำแหน่งภายในวันและทำการถือครองข้ามคืน บางครั้งนักลงทุนอาจได้รับดอกเบี้ยเป็นค่าตอบแทน แต่ในบางกรณีนักลงทุนอาจต้องจ่ายดอกเบี้ย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินและอัตราดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้อง
ความสำคัญของค่า Swap ต่อการลงทุน:
ส่งผลต่อกำไรหรือขาดทุน:
ค่า Swap สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดที่ถือครองตำแหน่งระยะยาว ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนถือครองตำแหน่งในคู่สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า นักเทรดอาจได้รับดอกเบี้ยเป็นค่าตอบแทนทุกวัน แต่หากถือครองในคู่สกุลเงินที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า จะต้องจ่ายดอกเบี้ยแทน ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้กำไรลดลงการเลือกคู่สกุลเงินในการลงทุน:
Swap อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกคู่สกุลเงินที่นักเทรดต้องการลงทุน นักเทรดบางคนอาจมองหาคู่สกุลเงินที่มีโอกาสได้รับ Swap บวก (Positive Swap) เพื่อสร้างรายได้เสริมจากดอกเบี้ย ในขณะที่นักเทรดบางคนอาจเลือกหลีกเลี่ยงการถือครองคู่สกุลเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงเกินไปส่งผลต่อการบริหารความเสี่ยง:
การไม่พิจารณาค่า Swap อาจทำให้นักลงทุนเสียเปรียบ เนื่องจากในบางกรณีค่า Swap ที่จ่ายออกไปอาจเกินกว่ากำไรที่ได้รับจากการเทรด นอกจากนี้ ค่า Swap ยังมีความผันผวนตามอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้น การติดตามการเปลี่ยนแปลงของค่า Swap จึงเป็นสิ่งที่นักเทรดต้องให้ความสำคัญ
วิธีการคำนวณค่า Swap:
การคำนวณ Swap สามารถทำได้โดยใช้สูตรพื้นฐานดังนี้:
Swap = (มูลค่าของตำแหน่งเทรด × (อัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ซื้อ – อัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่ขาย)) / 365
ตัวอย่างเช่น หากนักเทรดถือครองตำแหน่ง Long ในคู่สกุลเงิน GBP/USD ซึ่งดอกเบี้ยของปอนด์อังกฤษสูงกว่าดอลลาร์สหรัฐ นักเทรดจะได้รับ Swap เป็นบวก ซึ่งในกรณีนี้ Swap จะเป็นรายได้เสริมที่นักเทรดได้รับนอกจากผลกำไรจากการเทรด
จากข้อมูลปี 2023 Swap ของคู่สกุลเงิน AUD/JPY นั้นสูงที่สุด โดยอัตราดอกเบี้ยของดอลลาร์ออสเตรเลียสูงกว่าเยนญี่ปุ่น นักเทรดที่ถือครองตำแหน่ง Long ในคู่นี้จึงได้รับผลตอบแทนจาก Swap มากที่สุด
กรณีศึกษา: การใช้ Swap เป็นกลยุทธ์ในการลงทุน:
Swap ไม่เพียงแต่เป็นดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการถือครองตำแหน่งเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้เป็นกลยุทธ์การลงทุนได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกลยุทธ์ "Carry Trade" ซึ่งนักเทรดจะทำการซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงและขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อรับดอกเบี้ยเป็นค่าตอบแทนทุกวัน
ข้อมูลจากตลาดในช่วงปี 2022-2023 แสดงให้เห็นว่านักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ Carry Trade ในคู่สกุลเงิน AUD/JPY และ NZD/JPY สามารถทำกำไรได้ดีจากการได้รับ Swap เป็นบวกตลอดช่วงเวลานั้น โดยอัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นอย่างมาก
แนวโน้มค่า Swap ในปี 2024:
จากการวิเคราะห์ของสถาบันการเงิน แนวโน้มของค่า Swap ในปี 2024 มีความผันผวนสูง เนื่องจากธนาคารกลางหลายประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ตัวอย่างเช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปี 2024 ซึ่งจะส่งผลให้นักเทรดที่ถือครองดอลลาร์สหรัฐในคู่สกุลเงินต่าง ๆ ได้รับผลตอบแทนจาก Swap มากขึ้น
ในทางกลับกัน ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้นักลงทุนที่ถือครองตำแหน่ง Short ในคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับเยนญี่ปุ่นยังคงได้เปรียบจากการจ่าย Swap ที่น้อยลง
สรุป:
ค่า Swap มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลงทุนในตลาด Forex โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ถือครองตำแหน่งข้ามคืน Swap สามารถเป็นทั้งดอกเบี้ยที่นักลงทุนได้รับหรือจ่าย และสามารถส่งผลกระทบต่อผลกำไรในระยะยาว การทำความเข้าใจและคำนวณ Swap อย่างถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักลงทุน นอกจากนี้ การติดตามแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยและการใช้ Swap เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาด Forex
