Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

เทรด Cryptocurrency ถูกกฎหมาย เลือกเว็บไหนดีที่เหมาะกับคุณ?

การเทรด Cryptocurrency ในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย และมีแพลตฟอร์มที่ให้บริการมากมาย แต่ปัญหาสำคัญที่นักเทรดมือใหม่และมืออาชีพต้องคำนึงถึงคือความถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น การเลือกเว็บเทรดที่ถูกกฎหมายและมีความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเว็บเทรดคริปโตที่ถูกกฎหมายและเหมาะสมสำหรับการลงทุน

1. Bitkub

Bitkub เป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย Cryptocurrency ที่ได้รับการยอมรับจากนักเทรดในประเทศไทยมากที่สุด Bitkub ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำให้การซื้อขายบนแพลตฟอร์มนี้ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย

Bitkub มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกซื้อขายหลายรายการ เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), XRP, และ Cardano (ADA) Bitkub ยังมีฟีเจอร์การเทรดที่ตอบโจทย์นักเทรดไทย เช่น การฝากถอนเงินผ่านธนาคารในประเทศไทยโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

จุดเด่นของ Bitkub คือความสะดวกในการใช้งานและการสนับสนุนลูกค้าเป็นภาษาไทย รวมถึงมีการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม

2. Satang Pro

Satang Pro เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. และได้รับความนิยมในหมู่นักเทรดไทย Satang Pro ให้บริการซื้อขายเหรียญคริปโตในหลายสกุลเงิน เช่น Bitcoin, Ethereum, Ripple (XRP) และ Tether (USDT)

Satang Pro มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำเพียง 0.2% และมีระบบการยืนยันตัวตนที่เข้มงวด นอกจากนี้ Satang Pro ยังรองรับการฝากและถอนเงินผ่านธนาคารไทย ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบายในการทำธุรกรรม

ความปลอดภัยของ Satang Pro อยู่ในระดับสูง โดยมีการใช้ระบบ Cold Wallet ในการเก็บรักษาเหรียญคริปโตที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็ก

3. Binance

Binance เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตระดับโลกที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากจากทั่วโลก รวมถึงนักเทรดในประเทศไทย Binance มีการเปิดให้บริการในหลายสกุลเงินคริปโต เช่น Bitcoin, Ethereum, Binance Coin (BNB) และ Polkadot (DOT)

แม้ว่า Binance จะไม่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในประเทศไทยโดยตรง แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล Binance มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก โดยค่าธรรมเนียมการเทรดเริ่มต้นเพียง 0.1% และมีฟีเจอร์การเทรดที่หลากหลาย เช่น การเทรดสปอต (Spot Trading), การเทรดฟิวเจอร์ส (Futures Trading) และการให้ยืมคริปโต

Binance มีระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด โดยใช้การยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (Two-Factor Authentication) และมีการจัดเก็บเหรียญใน Cold Wallet เพื่อป้องกันการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์

4. Zipmex

Zipmex เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ได้รับความนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย Zipmex ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในประเทศไทย ซึ่งทำให้การเทรดคริปโตบน Zipmex ถูกต้องตามกฎหมาย

Zipmex มีสกุลเงินคริปโตให้เลือกซื้อขายหลากหลาย เช่น Bitcoin, Ethereum, Ripple (XRP) และ Litecoin (LTC) นอกจากนี้ยังมีการให้บริการฝากถอนเงินในระบบธนาคารไทย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

จุดเด่นของ Zipmex คือการมีฟีเจอร์ ZipLock ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยจากการเก็บเหรียญคริปโตไว้ในระบบ โดยมีการคุ้มครองความปลอดภัยสูงจากการใช้ Cold Wallet และระบบการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน

5. Kraken

Kraken เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตระดับโลกที่มีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัยและการให้บริการเทรดที่หลากหลาย Kraken มีสกุลเงินคริปโตให้เลือกซื้อขายมากมาย เช่น Bitcoin, Ethereum, Polkadot (DOT) และ Chainlink (LINK)

Kraken ใช้ระบบการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนและการเก็บเหรียญใน Cold Wallet ซึ่งทำให้แพลตฟอร์มนี้มีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ Kraken ยังมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่เริ่มต้นเพียง 0.16% ทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้อย่างคุ้มค่า

แม้ว่า Kraken จะไม่ได้รับใบอนุญาตในประเทศไทย แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือและการสนับสนุนที่ดี

6. FTX

FTX เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่นักเทรดคริปโตทั่วโลกให้ความไว้วางใจ โดยเฉพาะในด้านการเทรดฟิวเจอร์สและเลเวอเรจสูง FTX มีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกเทรดมากมาย เช่น Bitcoin, Ethereum, Solana (SOL) และ Chainlink (LINK)

แม้ว่า FTX จะยังไม่ได้รับใบอนุญาตในประเทศไทย แต่แพลตฟอร์มนี้มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำมาก โดยเริ่มต้นเพียง 0.02% ถึง 0.07% นอกจากนี้ FTX ยังมีฟีเจอร์การเทรดที่หลากหลาย รวมถึงฟิวเจอร์สและเลเวอเรจที่สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับนักเทรดได้

สรุป

สำหรับนักเทรด Cryptocurrency ในประเทศไทยที่ต้องการลงทุนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. เช่น Bitkub, Satang Pro, และ Zipmex ถือเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ สำหรับนักเทรดที่ต้องการแพลตฟอร์มระดับสากลที่มีฟีเจอร์การเทรดที่หลากหลาย Binance, Kraken, และ FTX ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ควรพิจารณาความปลอดภัยและความเสี่ยงเพิ่มเติมในการลงทุน การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมจะช่วยให้การเทรดคริปโตของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นคง