Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

เปิด 3 เทคนิค เทรดหุ้นรายวัน

การเทรดหุ้นรายวันหรือที่เรียกว่า Day Trading เป็นการซื้อขายหุ้นภายในวันเดียวกัน นักเทรดจะเปิดและปิดการซื้อขายในช่วงเวลาที่สั้นมาก โดยใช้ความผันผวนของตลาดเพื่อทำกำไรในระยะสั้น ๆ การเทรดลักษณะนี้ได้รับความนิยมทั้งในตลาดหุ้นและ Forex เนื่องจากให้ผลตอบแทนเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงสูง บทความนี้จะเปิดเผย 3 เทคนิคสำคัญในการเทรดหุ้นรายวันที่สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

เทคนิคที่ 1: การใช้ Moving Averages เพื่อจับจังหวะเทรนด์

การใช้ Moving Averages (MA) หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด เป็นเครื่องมือที่นิยมมากสำหรับนักเทรดรายวัน โดยการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จบ่อยครั้ง

วิธีการใช้ Moving Averages ในการเทรดรายวัน

  • Simple Moving Average (SMA): ค่าเฉลี่ยแบบง่ายที่คำนวณจากข้อมูลราคาปิดของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น SMA 50 หรือ SMA 200 จะช่วยให้นักเทรดเห็นแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น

  • Exponential Moving Average (EMA): ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบถ่วงน้ำหนักให้น้ำหนักราคาล่าสุดมากกว่า EMA ใช้บ่งชี้แนวโน้มในระยะสั้นได้ดีกว่า SMA

ตัวอย่างเช่น ในตลาดหุ้น S&P 500 ค่า EMA 20 และ EMA 50 มักถูกใช้ในการเทรดรายวันเพื่อดูการกลับตัวของราคา เมื่อตัว EMA สั้น (20 วัน) ตัดกับ EMA ยาว (50 วัน) จากด้านล่างขึ้นมา ถือเป็นสัญญาณการซื้อ และในทางกลับกัน การตัดจากบนลงล่างเป็นสัญญาณขาย

การใช้ Moving Averages สามารถช่วยให้นักเทรดรายวันจับจังหวะการเข้าและออกของตลาดได้แม่นยำขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าซื้อในจุดที่ไม่เหมาะสม

เทคนิคที่ 2: การใช้เครื่องมือ Relative Strength Index (RSI) ในการจับจังหวะซื้อขาย

RSI เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากในการเทรดรายวัน มันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความแข็งแรงของแนวโน้มและระบุว่าสินทรัพย์นั้นถูกซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)

วิธีการใช้ RSI ในการเทรดรายวัน

  • RSI มีค่าระหว่าง 0-100 โดยหากค่า RSI อยู่เหนือ 70 จะบ่งชี้ว่าสินทรัพย์นั้นถูกซื้อมากเกินไป และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง ในทางกลับกัน หากค่า RSI ต่ำกว่า 30 จะบ่งชี้ว่าสินทรัพย์ถูกขายมากเกินไปและมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัว

  • ในการเทรดรายวัน ค่า RSI ที่นิยมใช้มักจะเป็น RSI 14 (ค่าเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วง 14 วัน)

ในตลาดหุ้น Nasdaq หุ้นของ Tesla เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สามารถใช้ RSI เพื่อวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในวันที่มีข่าวสารสำคัญ เช่น การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ค่า RSI ของ Tesla มักจะพุ่งสูงขึ้นเมื่อมีการซื้อขายที่เข้มข้น ทำให้นักเทรดสามารถใช้ RSI เป็นตัวชี้วัดในการเข้าสู่ตลาดหรือออกจากตลาดได้ในเวลาที่เหมาะสม

เทคนิคที่ 3: การจัดการความเสี่ยงด้วยการใช้ Stop Loss

การตั้งค่า Stop Loss เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สำคัญที่สุดในการเทรดรายวัน การตั้งจุด Stop Loss จะช่วยป้องกันการสูญเสียเกินกว่าที่นักเทรดสามารถยอมรับได้ โดยจะเป็นการกำหนดระดับราคาที่ถ้าราคาหุ้นลดลงถึงจุดนั้น คำสั่งขายจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติ

วิธีการใช้ Stop Loss ในการเทรดรายวัน

  • นักเทรดสามารถตั้งค่า Stop Loss ไว้ที่ระดับ 1-2% ของราคาเริ่มต้นเพื่อป้องกันการขาดทุนที่สูงเกินไป

  • การใช้ Trailing Stop Loss เป็นอีกวิธีที่มีประโยชน์ โดยจะเลื่อนจุด Stop Loss ไปตามการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่ทำกำไร

ตัวอย่างในตลาด Forex การเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD มักมีความผันผวนสูงในช่วงเวลาที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ การตั้งค่า Stop Loss อย่างเหมาะสมจะช่วยปกป้องพอร์ตการลงทุนจากการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด

บทสรุป

การเทรดหุ้นรายวันมีทั้งโอกาสและความท้าทาย การใช้เทคนิคที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถทำกำไรได้จากการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้น เทคนิคการใช้ Moving Averages, RSI และการจัดการความเสี่ยงด้วย Stop Loss เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครื่องมือที่นักเทรดสามารถนำไปใช้ในการเทรดรายวันได้ การศึกษาวิธีการเหล่านี้อย่างละเอียดและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดที่มีความผันผวน

CONTINUE TO SITE