Exness: Premium Trading on Forex, Gold & Crypto. Your search for the BEST SPREAD ends here!
การเทรดหุ้นรายวันหรือที่เรียกว่า Day Trading เป็นการซื้อขายหุ้นภายในวันเดียวกัน นักเทรดจะเปิดและปิดการซื้อขายในช่วงเวลาที่สั้นมาก โดยใช้ความผันผวนของตลาดเพื่อทำกำไรในระยะสั้น ๆ การเทรดลักษณะนี้ได้รับความนิยมทั้งในตลาดหุ้นและ Forex เนื่องจากให้ผลตอบแทนเร็ว แต่ก็มีความเสี่ยงสูง บทความนี้จะเปิดเผย 3 เทคนิคสำคัญในการเทรดหุ้นรายวันที่สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
การใช้ Moving Averages (MA) หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด เป็นเครื่องมือที่นิยมมากสำหรับนักเทรดรายวัน โดยการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following) เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จบ่อยครั้ง
Simple Moving Average (SMA): ค่าเฉลี่ยแบบง่ายที่คำนวณจากข้อมูลราคาปิดของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น SMA 50 หรือ SMA 200 จะช่วยให้นักเทรดเห็นแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น
Exponential Moving Average (EMA): ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบถ่วงน้ำหนักให้น้ำหนักราคาล่าสุดมากกว่า EMA ใช้บ่งชี้แนวโน้มในระยะสั้นได้ดีกว่า SMA
ตัวอย่างเช่น ในตลาดหุ้น S&P 500 ค่า EMA 20 และ EMA 50 มักถูกใช้ในการเทรดรายวันเพื่อดูการกลับตัวของราคา เมื่อตัว EMA สั้น (20 วัน) ตัดกับ EMA ยาว (50 วัน) จากด้านล่างขึ้นมา ถือเป็นสัญญาณการซื้อ และในทางกลับกัน การตัดจากบนลงล่างเป็นสัญญาณขาย
การใช้ Moving Averages สามารถช่วยให้นักเทรดรายวันจับจังหวะการเข้าและออกของตลาดได้แม่นยำขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าซื้อในจุดที่ไม่เหมาะสม
RSI เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากในการเทรดรายวัน มันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความแข็งแรงของแนวโน้มและระบุว่าสินทรัพย์นั้นถูกซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
RSI มีค่าระหว่าง 0-100 โดยหากค่า RSI อยู่เหนือ 70 จะบ่งชี้ว่าสินทรัพย์นั้นถูกซื้อมากเกินไป และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง ในทางกลับกัน หากค่า RSI ต่ำกว่า 30 จะบ่งชี้ว่าสินทรัพย์ถูกขายมากเกินไปและมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัว
ในการเทรดรายวัน ค่า RSI ที่นิยมใช้มักจะเป็น RSI 14 (ค่าเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วง 14 วัน)
ในตลาดหุ้น Nasdaq หุ้นของ Tesla เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สามารถใช้ RSI เพื่อวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในวันที่มีข่าวสารสำคัญ เช่น การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ค่า RSI ของ Tesla มักจะพุ่งสูงขึ้นเมื่อมีการซื้อขายที่เข้มข้น ทำให้นักเทรดสามารถใช้ RSI เป็นตัวชี้วัดในการเข้าสู่ตลาดหรือออกจากตลาดได้ในเวลาที่เหมาะสม
การตั้งค่า Stop Loss เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สำคัญที่สุดในการเทรดรายวัน การตั้งจุด Stop Loss จะช่วยป้องกันการสูญเสียเกินกว่าที่นักเทรดสามารถยอมรับได้ โดยจะเป็นการกำหนดระดับราคาที่ถ้าราคาหุ้นลดลงถึงจุดนั้น คำสั่งขายจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติ
นักเทรดสามารถตั้งค่า Stop Loss ไว้ที่ระดับ 1-2% ของราคาเริ่มต้นเพื่อป้องกันการขาดทุนที่สูงเกินไป
การใช้ Trailing Stop Loss เป็นอีกวิธีที่มีประโยชน์ โดยจะเลื่อนจุด Stop Loss ไปตามการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่ทำกำไร
ตัวอย่างในตลาด Forex การเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD มักมีความผันผวนสูงในช่วงเวลาที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ การตั้งค่า Stop Loss อย่างเหมาะสมจะช่วยปกป้องพอร์ตการลงทุนจากการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด
การเทรดหุ้นรายวันมีทั้งโอกาสและความท้าทาย การใช้เทคนิคที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถทำกำไรได้จากการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้น เทคนิคการใช้ Moving Averages, RSI และการจัดการความเสี่ยงด้วย Stop Loss เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครื่องมือที่นักเทรดสามารถนำไปใช้ในการเทรดรายวันได้ การศึกษาวิธีการเหล่านี้อย่างละเอียดและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดที่มีความผันผวน