Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

Forex คืออะไร รู้จักกับ Foreign Exchange แบบเข้าใจง่าย

ตลาด Forex หรือ Foreign Exchange เป็นตลาดการซื้อขายสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งดำเนินการโดยธนาคารกลาง บริษัทข้ามชาติ โบรกเกอร์ นักลงทุนรายย่อย และสถาบันการเงินต่างๆ ผู้ที่สนใจเข้ามาลงทุนในตลาดนี้จำเป็นต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของ Forex เพื่อให้สามารถทำกำไรได้และลดความเสี่ยงในการลงทุน

ความหมายของ Forex

Forex ย่อมาจากคำว่า Foreign Exchange ซึ่งหมายถึงการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ การเทรด Forex คือการซื้อขายสกุลเงินหนึ่งโดยใช้สกุลเงินอีกสกุลหนึ่งเป็นสื่อกลาง ตัวอย่างเช่น หากคุณคาดการณ์ว่าค่าเงินยูโร (EUR) จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) คุณอาจซื้อ EUR/USD ซึ่งหมายความว่าคุณกำลังซื้อยูโรโดยใช้ดอลลาร์เป็นสื่อกลาง เมื่อค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น คุณสามารถขายกลับเพื่อทำกำไร

โครงสร้างของตลาด Forex

ตลาด Forex ไม่มีศูนย์กลางการซื้อขายแบบที่มีในตลาดหุ้น ตลาดนี้ทำงานผ่านระบบอินเทอร์แบงค์ ซึ่งเป็นเครือข่ายธนาคารที่ทำการซื้อขายสกุลเงินกันโดยตรง นอกจากนี้ยังมีโบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้เทรดและตลาด

ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ แบ่งออกเป็น 4 ช่วงเวลาหลักที่เรียกว่าตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดซิดนีย์ (Sydney) ตลาดโตเกียว (Tokyo) ตลาดลอนดอน (London) และตลาดนิวยอร์ก (New York) การทำงานแบบต่อเนื่องนี้เป็นเพราะตลาด Forex เป็นตลาดระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่มีการปิดตลาดในช่วงเวลาที่ตลาดหลักใดหลักหนึ่งเปิดทำการ

คู่สกุลเงินในตลาด Forex

การเทรด Forex ทำผ่านคู่สกุลเงิน (Currency Pair) ซึ่งประกอบด้วยสกุลเงินสองสกุลที่ถูกเทียบค่าและซื้อขายกัน ตัวอย่างเช่น EUR/USD คือคู่สกุลเงินที่เทียบค่าระหว่างยูโรและดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินที่อยู่ข้างหน้า (Base Currency) คือสกุลเงินที่ผู้เทรดต้องการซื้อ ส่วนค่าเงินที่อยู่ข้างหลัง (Quote Currency) คือสกุลเงินที่ผู้เทรดต้องใช้ในการซื้อ

ตลาด Forex แบ่งคู่สกุลเงินออกเป็นสามประเภทหลักคือ

  1. คู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs): ได้แก่คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงและมีการเทรดมากที่สุด เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, และ USD/CHF

  2. คู่สกุลเงินรอง (Minor Pairs): คู่สกุลเงินที่ไม่รวมดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังคงมีสภาพคล่องสูง เช่น EUR/GBP, EUR/AUD, และ GBP/JPY

  3. คู่สกุลเงินแปลกใหม่ (Exotic Pairs): คู่สกุลเงินที่ประกอบด้วยสกุลเงินจากตลาดเกิดใหม่ เช่น USD/TRY (ดอลลาร์สหรัฐ/ลิราเตอร์กิช) หรือ USD/THB (ดอลลาร์สหรัฐ/บาทไทย) ซึ่งมีสภาพคล่องต่ำและมีความผันผวนสูงกว่า

โบรกเกอร์ Forex และแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ

โบรกเกอร์ Forex เป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงนักลงทุนเข้ากับตลาด Forex โดยโบรกเกอร์จะให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายสกุลเงินได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ตัวอย่างของโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมในวงการ Forex ได้แก่:

  • Exness: โบรกเกอร์ Exness มีชื่อเสียงในด้านการให้บริการที่รวดเร็วและการเสนอเลเวอเรจที่สูงถึง 1:2000 แพลตฟอร์มของ Exness ยังรองรับการเทรดในหลายสกุลเงินและมีความยืดหยุ่นในเรื่องของทุนเริ่มต้นที่ต่ำ

  • FBS: โบรกเกอร์ FBS เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทุนเริ่มต้นต่ำ มีบัญชี Cent ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเริ่มต้นเทรดด้วยเงินเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ FBS ยังมีโปรแกรมโบนัสและโปรโมชั่นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน

  • XM: XM เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมีแพลตฟอร์มการเทรดที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ รองรับการเทรดด้วยเลเวอเรจสูงสุด 1:888 และให้บริการลูกค้าด้วยบัญชีที่หลากหลายตามความต้องการของนักลงทุน

  • IC Markets: โบรกเกอร์ IC Markets มีความโดดเด่นในเรื่องของการให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดที่มีสเปรดต่ำ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเงื่อนไขการเทรดที่ดีและการเข้าถึงตลาดที่รวดเร็ว

ข้อดีและข้อเสียของการเทรด Forex

ข้อดี:

  • สภาพคล่องสูง: ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าซื้อขายได้ทันทีและมีโอกาสทำกำไรได้ทุกช่วงเวลา

  • การเข้าถึงง่าย: การเปิดบัญชีเทรด Forex สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงมีเงินทุนเริ่มต้นเล็กน้อยก็สามารถเริ่มต้นเทรดได้

  • เลเวอเรจสูง: โบรกเกอร์ Forex มักเสนอเลเวอเรจที่สูง ช่วยให้นักลงทุนสามารถเทรดด้วยเงินทุนที่ต่ำแต่สามารถเปิดสถานะการเทรดที่มีมูลค่าสูงได้

ข้อเสีย:

  • ความเสี่ยงสูง: การใช้เลเวอเรจสูงทำให้มีความเสี่ยงสูงในการสูญเสียเงินทุน หากตลาดเคลื่อนที่ในทิศทางที่ตรงข้ามกับการเทรด

  • ความผันผวนของตลาด: ตลาด Forex มีความผันผวนสูง เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อค่าเงิน เช่น การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ ข่าวการเมือง หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลาง

ข้อสรุป

การเทรด Forex เป็นวิธีการลงทุนที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากมีโอกาสในการทำกำไรที่สูงและการเข้าถึงตลาดที่ง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับตลาด Forex และมีการวางแผนการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมและการใช้แพลตฟอร์มการเทรดที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดนี้ได้มากขึ้น