Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

สเปรด(Spread) คืออะไร?

ในตลาดการเงินโดยเฉพาะตลาด Forex คำว่า "สเปรด" (Spread) ถือเป็นหัวใจสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรทำความเข้าใจอย่างละเอียด สเปรดมีบทบาทสำคัญในการคำนวณต้นทุนและกำไรในการเทรด และอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเทรดของนักลงทุน ดังนั้นในบทความนี้ เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับคำว่าสเปรดว่าคืออะไร และมันมีผลอย่างไรต่อการเทรดในตลาด Forex

สเปรด (Spread) คืออะไร?

สเปรดในตลาด Forex หมายถึงส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของคู่สกุลเงิน เมื่อคุณต้องการซื้อคู่สกุลเงินหนึ่ง คุณจะต้องจ่ายในราคาขาย (Ask) แต่หากคุณต้องการขาย คุณจะขายได้ในราคาซื้อ (Bid) ส่วนต่างระหว่างราคาทั้งสองนี้เรียกว่าสเปรด และเป็นรายได้หลักของโบรกเกอร์ในการให้บริการการซื้อขายโดยไม่ต้องเก็บค่าคอมมิชชั่น

ประเภทของสเปรด

สเปรดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่:

  1. สเปรดคงที่ (Fixed Spread): สเปรดที่คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาด ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการควบคุมต้นทุนการซื้อขายและไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของตลาด ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ XM ให้บริการสเปรดคงที่ในบางประเภทบัญชี ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ต้นทุนการซื้อขายได้ล่วงหน้า

  2. สเปรดลอยตัว (Variable Spread): สเปรดประเภทนี้จะเปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาด หากตลาดมีความผันผวนสูง สเปรดจะกว้างขึ้น แต่เมื่อสภาพคล่องของตลาดเพิ่มขึ้น สเปรดจะลดลง เช่น โบรกเกอร์ IC Markets ซึ่งให้บริการสเปรดลอยตัวในบัญชี ECN ซึ่งนักเทรดบางคนอาจเลือกใช้บริการนี้เพราะมักมีสเปรดต่ำกว่าเมื่อสภาพตลาดมีความเสถียร

ปัจจัยที่ส่งผลต่อสเปรด

การเปลี่ยนแปลงของสเปรดในตลาด Forex มักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้:

  1. สภาพคล่องของตลาด: คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง เช่น EUR/USD มักจะมีสเปรดที่แคบกว่าเนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายสูงตลอดทั้งวัน ในทางกลับกัน คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายน้อย เช่น EUR/TRY มักจะมีสเปรดกว้างขึ้นเนื่องจากขาดสภาพคล่อง

  2. ช่วงเวลาของตลาด: สเปรดมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาเปิดและปิดของตลาดหลัก หากเป็นช่วงเวลาที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทำการพร้อมกัน สเปรดมักจะต่ำ เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายที่สูง

  3. เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ: เมื่อมีการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เช่น อัตราดอกเบี้ยหรือรายงานการจ้างงาน สเปรดอาจขยายตัวขึ้นเนื่องจากความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาด ตัวอย่างเช่น ในช่วงการประกาศข่าว Non-Farm Payrolls ของสหรัฐฯ สเปรดอาจกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น

สเปรดในคู่สกุลเงินที่นิยม

สเปรดจะเปลี่ยนแปลงไปตามคู่สกุลเงินที่คุณเทรด โดยทั่วไปแล้ว คู่สกุลเงินหลักมักมีสเปรดที่ต่ำกว่าคู่สกุลเงินรองหรือตราสารอื่นๆ เช่น

  • EUR/USD: คู่สกุลเงินนี้เป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก และมักมีสเปรดต่ำสุด ตัวอย่างเช่น ในโบรกเกอร์ Exness สเปรดสำหรับ EUR/USD สามารถเริ่มต้นได้จาก 0.1 pip ในบางประเภทบัญชี

  • GBP/JPY: เป็นคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนสูง ทำให้สเปรดมักจะกว้างกว่า ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ Pepperstone อาจเสนอค่าสเปรดที่สูงขึ้นสำหรับคู่เงินนี้ในบางช่วงเวลาของวัน

  • USD/JPY: เป็นอีกหนึ่งคู่เงินที่นิยมในตลาดเอเชีย และมักมีสเปรดต่ำ ซึ่งนักเทรดสามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วในช่วงตลาดโตเกียวเปิดทำการ

สเปรดส่งผลอย่างไรต่อต้นทุนการเทรด?

สเปรดเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่นักเทรดเปิดสถานะ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย ต้นทุนนี้จะถูกหักออกทันทีจากกำไรที่ได้จากการซื้อขาย ยิ่งสเปรดกว้างเท่าไหร่ ต้นทุนในการเปิดสถานะก็จะสูงขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อกำไรสุทธิของนักเทรด

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดสถานะซื้อคู่ EUR/USD ที่มีสเปรด 2 pip และคุณต้องการทำกำไร 10 pip เมื่อราคาขยับขึ้น 10 pip คุณจะได้รับกำไรสุทธิ 8 pip หลังหักค่าสเปรดแล้ว หากคุณเทรดในตลาดที่มีสเปรดต่ำกว่า คุณก็จะได้กำไรที่มากขึ้น

ข้อแนะนำในการเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดเหมาะสม

นักเทรดควรทำการเปรียบเทียบสเปรดจากโบรกเกอร์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้โบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของตนเอง เช่น หากคุณเป็นนักเทรดระยะสั้นหรือสเกลเปอร์ (Scalper) ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและมีการให้บริการบัญชีแบบ ECN เช่น IC Markets หรือ Pepperstone ที่มีการเสนอค่าสเปรดต่ำสำหรับคู่สกุลเงินหลัก

สรุป

สเปรดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรให้ความสำคัญ เนื่องจากมันเป็นต้นทุนหลักในการซื้อขายในตลาด Forex การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสเปรดและปัจจัยที่ส่งผลต่อสเปรดจะช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนการซื้อขายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำ เช่น IC Markets, Exness และ Pepperstone จะช่วยลดต้นทุนการซื้อขายและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับนักเทรดมากขึ้น

CONTINUE TO SITE