Exness: Premium Trading on Forex, Gold & Crypto. Your search for the BEST SPREAD ends here!
ในตลาดการเงินโดยเฉพาะตลาด Forex คำว่า "สเปรด" (Spread) ถือเป็นหัวใจสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรทำความเข้าใจอย่างละเอียด สเปรดมีบทบาทสำคัญในการคำนวณต้นทุนและกำไรในการเทรด และอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเทรดของนักลงทุน ดังนั้นในบทความนี้ เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับคำว่าสเปรดว่าคืออะไร และมันมีผลอย่างไรต่อการเทรดในตลาด Forex
สเปรดในตลาด Forex หมายถึงส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของคู่สกุลเงิน เมื่อคุณต้องการซื้อคู่สกุลเงินหนึ่ง คุณจะต้องจ่ายในราคาขาย (Ask) แต่หากคุณต้องการขาย คุณจะขายได้ในราคาซื้อ (Bid) ส่วนต่างระหว่างราคาทั้งสองนี้เรียกว่าสเปรด และเป็นรายได้หลักของโบรกเกอร์ในการให้บริการการซื้อขายโดยไม่ต้องเก็บค่าคอมมิชชั่น
สเปรดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่:
สเปรดคงที่ (Fixed Spread): สเปรดที่คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาด ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการควบคุมต้นทุนการซื้อขายและไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของตลาด ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ XM ให้บริการสเปรดคงที่ในบางประเภทบัญชี ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ต้นทุนการซื้อขายได้ล่วงหน้า
สเปรดลอยตัว (Variable Spread): สเปรดประเภทนี้จะเปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาด หากตลาดมีความผันผวนสูง สเปรดจะกว้างขึ้น แต่เมื่อสภาพคล่องของตลาดเพิ่มขึ้น สเปรดจะลดลง เช่น โบรกเกอร์ IC Markets ซึ่งให้บริการสเปรดลอยตัวในบัญชี ECN ซึ่งนักเทรดบางคนอาจเลือกใช้บริการนี้เพราะมักมีสเปรดต่ำกว่าเมื่อสภาพตลาดมีความเสถียร
การเปลี่ยนแปลงของสเปรดในตลาด Forex มักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้:
สภาพคล่องของตลาด: คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง เช่น EUR/USD มักจะมีสเปรดที่แคบกว่าเนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายสูงตลอดทั้งวัน ในทางกลับกัน คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายน้อย เช่น EUR/TRY มักจะมีสเปรดกว้างขึ้นเนื่องจากขาดสภาพคล่อง
ช่วงเวลาของตลาด: สเปรดมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาเปิดและปิดของตลาดหลัก หากเป็นช่วงเวลาที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทำการพร้อมกัน สเปรดมักจะต่ำ เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายที่สูง
เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ: เมื่อมีการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เช่น อัตราดอกเบี้ยหรือรายงานการจ้างงาน สเปรดอาจขยายตัวขึ้นเนื่องจากความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาด ตัวอย่างเช่น ในช่วงการประกาศข่าว Non-Farm Payrolls ของสหรัฐฯ สเปรดอาจกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น
สเปรดจะเปลี่ยนแปลงไปตามคู่สกุลเงินที่คุณเทรด โดยทั่วไปแล้ว คู่สกุลเงินหลักมักมีสเปรดที่ต่ำกว่าคู่สกุลเงินรองหรือตราสารอื่นๆ เช่น
EUR/USD: คู่สกุลเงินนี้เป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก และมักมีสเปรดต่ำสุด ตัวอย่างเช่น ในโบรกเกอร์ Exness สเปรดสำหรับ EUR/USD สามารถเริ่มต้นได้จาก 0.1 pip ในบางประเภทบัญชี
GBP/JPY: เป็นคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนสูง ทำให้สเปรดมักจะกว้างกว่า ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ Pepperstone อาจเสนอค่าสเปรดที่สูงขึ้นสำหรับคู่เงินนี้ในบางช่วงเวลาของวัน
USD/JPY: เป็นอีกหนึ่งคู่เงินที่นิยมในตลาดเอเชีย และมักมีสเปรดต่ำ ซึ่งนักเทรดสามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วในช่วงตลาดโตเกียวเปิดทำการ
สเปรดเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่นักเทรดเปิดสถานะ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย ต้นทุนนี้จะถูกหักออกทันทีจากกำไรที่ได้จากการซื้อขาย ยิ่งสเปรดกว้างเท่าไหร่ ต้นทุนในการเปิดสถานะก็จะสูงขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อกำไรสุทธิของนักเทรด
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดสถานะซื้อคู่ EUR/USD ที่มีสเปรด 2 pip และคุณต้องการทำกำไร 10 pip เมื่อราคาขยับขึ้น 10 pip คุณจะได้รับกำไรสุทธิ 8 pip หลังหักค่าสเปรดแล้ว หากคุณเทรดในตลาดที่มีสเปรดต่ำกว่า คุณก็จะได้กำไรที่มากขึ้น
นักเทรดควรทำการเปรียบเทียบสเปรดจากโบรกเกอร์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้โบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของตนเอง เช่น หากคุณเป็นนักเทรดระยะสั้นหรือสเกลเปอร์ (Scalper) ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและมีการให้บริการบัญชีแบบ ECN เช่น IC Markets หรือ Pepperstone ที่มีการเสนอค่าสเปรดต่ำสำหรับคู่สกุลเงินหลัก
สเปรดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักเทรดทุกคนควรให้ความสำคัญ เนื่องจากมันเป็นต้นทุนหลักในการซื้อขายในตลาด Forex การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสเปรดและปัจจัยที่ส่งผลต่อสเปรดจะช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนการซื้อขายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำ เช่น IC Markets, Exness และ Pepperstone จะช่วยลดต้นทุนการซื้อขายและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับนักเทรดมากขึ้น