Exness: Premium Trading on Forex, Gold & Crypto. Your search for the BEST SPREAD ends here!
ในการซื้อขาย Forex นั้น หนึ่งในค่าธรรมเนียมที่นักเทรดมือใหม่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ "ค่าสเปรด" (Spread) ค่านี้มีบทบาทสำคัญต่อกำไรหรือขาดทุนในการซื้อขาย ซึ่งในบทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับค่าสเปรดอย่างละเอียด รวมถึงเหตุผลว่าทำไมนักเทรดมือใหม่ไม่ควรมองข้ามค่านี้
ค่าสเปรดคือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของคู่สกุลเงิน ซึ่งเป็นราคาที่โบรกเกอร์เสนอให้กับนักเทรด สำหรับนักเทรดแล้ว การซื้อขายในตลาด Forex เกิดขึ้นผ่านการเปิดสถานะ "ซื้อ" หรือ "ขาย" โดยราคาทั้งสองฝั่งนี้มักจะมีความแตกต่างกัน เช่น หากคู่สกุลเงิน EUR/USD มีราคาซื้อที่ 1.1200 และราคาขายที่ 1.1203 ส่วนต่างที่เกิดขึ้นคือ 0.0003 หรือ 3 pip นี่คือตัวอย่างของค่าสเปรด
ค่าสเปรดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
ค่าสเปรดคงที่ (Fixed Spread): ค่าสเปรดชนิดนี้จะมีมูลค่าคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าตลาดจะมีความผันผวนสูง โบรกเกอร์ที่เสนอสเปรดคงที่มักจะเหมาะกับนักเทรดที่ต้องการควบคุมต้นทุนการซื้อขาย
ค่าสเปรดลอยตัว (Variable Spread): ค่าสเปรดชนิดนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด หากตลาดมีความผันผวนสูง ค่าสเปรดจะกว้างขึ้น และจะต่ำลงเมื่อสภาวะตลาดนิ่ง
การเลือกค่าสเปรดขึ้นอยู่กับลักษณะการเทรดของแต่ละคน เช่น นักเทรดระยะสั้นมักจะชอบใช้โบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำและลอยตัว เพราะสามารถใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดในระยะเวลาสั้นได้
สภาพคล่องของตลาด (Liquidity): หากคู่สกุลเงินที่นักเทรดเลือกมีการซื้อขายสูง เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY ค่าสเปรดมักจะต่ำ เพราะมีสภาพคล่องสูง แต่ถ้าเป็นคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายน้อย ค่าสเปรดจะสูงขึ้น
ช่วงเวลาของตลาด: ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ค่าสเปรดจะเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาที่สภาพคล่องสูง เช่น ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทำการพร้อมกัน ค่าสเปรดจะต่ำกว่าช่วงที่ตลาดเปิดเพียงแห่งเดียว
โบรกเกอร์ที่ใช้: โบรกเกอร์แต่ละรายมีรูปแบบค่าสเปรดที่แตกต่างกัน นักเทรดควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีการให้บริการค่าสเปรดที่โปร่งใสและแข่งขันได้ เช่น IC Markets และ Exness ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่นิยมในหมู่นักเทรดทั่วโลก
ค่าสเปรดถือเป็นต้นทุนในการเทรดที่นักเทรดต้องชำระให้กับโบรกเกอร์ทุกครั้งที่ทำการเปิดสถานะ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย ยิ่งค่าสเปรดสูง ต้นทุนในการซื้อขายก็จะสูงตาม ซึ่งสำหรับนักเทรดระยะสั้นหรือสเกลเปอร์ (Scalper) ที่ทำการซื้อขายบ่อย ๆ ค่าสเปรดมีผลกระทบอย่างมากต่อกำไรทั้งหมด
ตัวอย่างเช่น หากนักเทรดเปิดสถานะซื้อคู่ EUR/USD ที่มีค่าสเปรด 3 pip และราคาขึ้นไป 3 pip เท่ากับว่ากำไรที่ได้จากการขึ้นของราคาถูกหักออกโดยตรงจากค่าสเปรด ซึ่งหากค่าสเปรดต่ำ นักเทรดจะมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น
นักเทรดควรศึกษาและเปรียบเทียบค่าสเปรดจากโบรกเกอร์ต่าง ๆ เพื่อหาค่าที่เหมาะสมสำหรับการเทรดของตนเอง โดยโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมได้แก่:
IC Markets: โบรกเกอร์รายนี้มีค่าสเปรดที่ต่ำมาก โดยเฉพาะสำหรับคู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD ค่าสเปรดเฉลี่ยของโบรกเกอร์นี้อยู่ที่ประมาณ 0.1 pip ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้นการเทรดระยะสั้น
Exness: เป็นอีกหนึ่งโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยม ค่าสเปรดของ Exness อยู่ในระดับที่แข่งขันได้และมีความโปร่งใส
Pepperstone: โบรกเกอร์นี้มีค่าสเปรดที่เหมาะสมและเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดทั่วโลก โดยเฉพาะคู่สกุลเงินหลัก
การมองข้ามค่าสเปรดอาจทำให้นักเทรดไม่สามารถประเมินต้นทุนการซื้อขายที่แท้จริงได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรในระยะยาว สำหรับนักเทรดมือใหม่ ควรให้ความสำคัญกับการเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำและสอดคล้องกับรูปแบบการเทรดของตนเอง
ค่าสเปรดเป็นค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ทำการซื้อขาย ดังนั้น หากไม่คำนึงถึงค่าสเปรด การซื้อขายอาจไม่เกิดผลกำไรตามที่คาดหวัง
ค่าสเปรดเป็นค่าธรรมเนียมที่มีผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการซื้อขายในตลาด Forex การทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าสเปรดและปัจจัยที่ส่งผลต่อค่านี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของตนเองได้ และสามารถประเมินต้นทุนการซื้อขายได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะนักเทรดมือใหม่ควรให้ความสำคัญกับการศึกษาค่าสเปรดและเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำและโปร่งใส