Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

ค่าสเปรด (Spread) คืออะไร? ค่าธรรมเนียมที่มือใหม่ไม่ควรมองข้าม

ในการซื้อขาย Forex นั้น หนึ่งในค่าธรรมเนียมที่นักเทรดมือใหม่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ "ค่าสเปรด" (Spread) ค่านี้มีบทบาทสำคัญต่อกำไรหรือขาดทุนในการซื้อขาย ซึ่งในบทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับค่าสเปรดอย่างละเอียด รวมถึงเหตุผลว่าทำไมนักเทรดมือใหม่ไม่ควรมองข้ามค่านี้

ค่าสเปรด (Spread) คืออะไร?

ค่าสเปรดคือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของคู่สกุลเงิน ซึ่งเป็นราคาที่โบรกเกอร์เสนอให้กับนักเทรด สำหรับนักเทรดแล้ว การซื้อขายในตลาด Forex เกิดขึ้นผ่านการเปิดสถานะ "ซื้อ" หรือ "ขาย" โดยราคาทั้งสองฝั่งนี้มักจะมีความแตกต่างกัน เช่น หากคู่สกุลเงิน EUR/USD มีราคาซื้อที่ 1.1200 และราคาขายที่ 1.1203 ส่วนต่างที่เกิดขึ้นคือ 0.0003 หรือ 3 pip นี่คือตัวอย่างของค่าสเปรด

รูปแบบของค่าสเปรด

ค่าสเปรดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

  1. ค่าสเปรดคงที่ (Fixed Spread): ค่าสเปรดชนิดนี้จะมีมูลค่าคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าตลาดจะมีความผันผวนสูง โบรกเกอร์ที่เสนอสเปรดคงที่มักจะเหมาะกับนักเทรดที่ต้องการควบคุมต้นทุนการซื้อขาย

  2. ค่าสเปรดลอยตัว (Variable Spread): ค่าสเปรดชนิดนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด หากตลาดมีความผันผวนสูง ค่าสเปรดจะกว้างขึ้น และจะต่ำลงเมื่อสภาวะตลาดนิ่ง

การเลือกค่าสเปรดขึ้นอยู่กับลักษณะการเทรดของแต่ละคน เช่น นักเทรดระยะสั้นมักจะชอบใช้โบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำและลอยตัว เพราะสามารถใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดในระยะเวลาสั้นได้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าสเปรด

  1. สภาพคล่องของตลาด (Liquidity): หากคู่สกุลเงินที่นักเทรดเลือกมีการซื้อขายสูง เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY ค่าสเปรดมักจะต่ำ เพราะมีสภาพคล่องสูง แต่ถ้าเป็นคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายน้อย ค่าสเปรดจะสูงขึ้น

  2. ช่วงเวลาของตลาด: ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ค่าสเปรดจะเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาที่สภาพคล่องสูง เช่น ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กเปิดทำการพร้อมกัน ค่าสเปรดจะต่ำกว่าช่วงที่ตลาดเปิดเพียงแห่งเดียว

  3. โบรกเกอร์ที่ใช้: โบรกเกอร์แต่ละรายมีรูปแบบค่าสเปรดที่แตกต่างกัน นักเทรดควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีการให้บริการค่าสเปรดที่โปร่งใสและแข่งขันได้ เช่น IC Markets และ Exness ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่นิยมในหมู่นักเทรดทั่วโลก

ค่าสเปรดส่งผลต่อต้นทุนการซื้อขายอย่างไร?

ค่าสเปรดถือเป็นต้นทุนในการเทรดที่นักเทรดต้องชำระให้กับโบรกเกอร์ทุกครั้งที่ทำการเปิดสถานะ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย ยิ่งค่าสเปรดสูง ต้นทุนในการซื้อขายก็จะสูงตาม ซึ่งสำหรับนักเทรดระยะสั้นหรือสเกลเปอร์ (Scalper) ที่ทำการซื้อขายบ่อย ๆ ค่าสเปรดมีผลกระทบอย่างมากต่อกำไรทั้งหมด

ตัวอย่างเช่น หากนักเทรดเปิดสถานะซื้อคู่ EUR/USD ที่มีค่าสเปรด 3 pip และราคาขึ้นไป 3 pip เท่ากับว่ากำไรที่ได้จากการขึ้นของราคาถูกหักออกโดยตรงจากค่าสเปรด ซึ่งหากค่าสเปรดต่ำ นักเทรดจะมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น

ค่าสเปรดในโบรกเกอร์ยอดนิยม

นักเทรดควรศึกษาและเปรียบเทียบค่าสเปรดจากโบรกเกอร์ต่าง ๆ เพื่อหาค่าที่เหมาะสมสำหรับการเทรดของตนเอง โดยโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมได้แก่:

  1. IC Markets: โบรกเกอร์รายนี้มีค่าสเปรดที่ต่ำมาก โดยเฉพาะสำหรับคู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD ค่าสเปรดเฉลี่ยของโบรกเกอร์นี้อยู่ที่ประมาณ 0.1 pip ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้นการเทรดระยะสั้น

  2. Exness: เป็นอีกหนึ่งโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยม ค่าสเปรดของ Exness อยู่ในระดับที่แข่งขันได้และมีความโปร่งใส

  3. Pepperstone: โบรกเกอร์นี้มีค่าสเปรดที่เหมาะสมและเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดทั่วโลก โดยเฉพาะคู่สกุลเงินหลัก

ทำไมนักเทรดมือใหม่ไม่ควรมองข้ามค่าสเปรด?

การมองข้ามค่าสเปรดอาจทำให้นักเทรดไม่สามารถประเมินต้นทุนการซื้อขายที่แท้จริงได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรในระยะยาว สำหรับนักเทรดมือใหม่ ควรให้ความสำคัญกับการเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำและสอดคล้องกับรูปแบบการเทรดของตนเอง

ค่าสเปรดเป็นค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ทำการซื้อขาย ดังนั้น หากไม่คำนึงถึงค่าสเปรด การซื้อขายอาจไม่เกิดผลกำไรตามที่คาดหวัง

สรุป

ค่าสเปรดเป็นค่าธรรมเนียมที่มีผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการซื้อขายในตลาด Forex การทำความเข้าใจเกี่ยวกับค่าสเปรดและปัจจัยที่ส่งผลต่อค่านี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของตนเองได้ และสามารถประเมินต้นทุนการซื้อขายได้แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะนักเทรดมือใหม่ควรให้ความสำคัญกับการศึกษาค่าสเปรดและเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำและโปร่งใส