Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

สเปรด (Spread) Forex คืออะไร

ในตลาด Forex หนึ่งในสิ่งที่นักเทรดต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือ "สเปรด" (Spread) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการคำนวณต้นทุนการเทรด ไม่ว่านักเทรดจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ สเปรดมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อขาย เพราะมันส่งผลต่อกำไรและขาดทุนของการเทรด ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่าสเปรดใน Forex คืออะไร มีประเภทใดบ้าง และมีผลอย่างไรต่อการเทรดของคุณ

สเปรด (Spread) คืออะไร?

สเปรด (Spread) ในตลาด Forex หมายถึงส่วนต่างระหว่าง "ราคาซื้อ" (Bid) และ "ราคาขาย" (Ask) ของคู่สกุลเงิน เมื่อนักเทรดเปิดสถานะซื้อ พวกเขาจะจ่ายในราคาขาย (Ask) แต่เมื่อขายจะได้รับราคาซื้อ (Bid) สเปรดคือค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์คิดเป็นรายได้ในการให้บริการซื้อขายในตลาดนี้

ตัวอย่างเช่น หากคุณทำการซื้อขายคู่สกุลเงิน EUR/USD โบรกเกอร์อาจเสนอราคาซื้อที่ 1.1000 และราคาขายที่ 1.1002 ส่วนต่าง 0.0002 (หรือ 2 pip) คือตัวอย่างของสเปรด

ประเภทของสเปรด

สเปรดในตลาด Forex สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

  1. สเปรดคงที่ (Fixed Spread): เป็นสเปรดที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาด โบรกเกอร์ที่ให้บริการสเปรดคงที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการควบคุมต้นทุนการซื้อขาย ตัวอย่างเช่น Exness เสนอค่าสเปรดคงที่ในบัญชีประเภท Standard ทำให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ต้นทุนได้แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

  2. สเปรดลอยตัว (Variable Spread): เป็นสเปรดที่เปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาด ซึ่งหมายความว่าในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงข่าวเศรษฐกิจสำคัญ สเปรดจะกว้างขึ้น ในขณะที่ตลาดสงบ สเปรดจะต่ำลง โบรกเกอร์ที่ให้บริการสเปรดลอยตัวเช่น IC Markets ที่มีบัญชี ECN และเสนอค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip

ปัจจัยที่ส่งผลต่อสเปรด

สเปรดในตลาด Forex มีการเปลี่ยนแปลงตามหลายปัจจัย เช่น:

  1. สภาพคล่องของตลาด: เมื่อมีการซื้อขายในปริมาณมาก สภาพคล่องสูง ค่าสเปรดมักจะต่ำ ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD มักมีสเปรดที่แคบเนื่องจากมีสภาพคล่องสูง แต่สำหรับคู่เงินรองเช่น EUR/NZD หรือ AUD/CAD สเปรดจะกว้างกว่าเนื่องจากมีสภาพคล่องน้อย

  2. ช่วงเวลาที่เทรด: ในช่วงเวลาที่ตลาดหลักเปิดพร้อมกัน เช่น ตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ค่าสเปรดมักจะต่ำ เพราะมีการซื้อขายมาก แต่ในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดทำการน้อย เช่น ช่วงดึกตามเวลาเอเชีย ค่าสเปรดจะกว้างขึ้น

  3. เหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญ: ข่าวเศรษฐกิจหรือประกาศอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลให้สเปรดขยายตัวในระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากความผันผวนของตลาด โบรกเกอร์อาจขยายสเปรดในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

สเปรดในคู่สกุลเงินที่นิยม

คู่สกุลเงินหลักในตลาด Forex มักมีสเปรดที่ต่ำกว่า เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและเป็นที่นิยมของนักเทรดทั่วโลก ตัวอย่างเช่น:

  • EUR/USD: คู่สกุลเงินนี้เป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในตลาด Forex ซึ่งมักมีค่าสเปรดที่ต่ำ ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ Pepperstone มีค่าสเปรดเฉลี่ยสำหรับคู่ EUR/USD เริ่มต้นที่ 0.0 pip สำหรับบัญชี Razor

  • USD/JPY: เป็นอีกหนึ่งคู่ที่นิยมและมีสภาพคล่องสูง สเปรดสำหรับคู่เงินนี้ในโบรกเกอร์ XM มักอยู่ที่ประมาณ 0.1-1.0 pip ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเข้าถึงตลาดเอเชีย

  • GBP/USD: คู่สกุลเงินนี้มักมีความผันผวนสูงกว่า EUR/USD แต่ยังคงมีสเปรดที่ต่ำในบางช่วงเวลา เช่น โบรกเกอร์ Exness อาจมีค่าสเปรดเฉลี่ยประมาณ 0.3-1.0 pip

การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำ

นักเทรดมือใหม่ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำเพื่อลดต้นทุนในการเทรด การที่สเปรดต่ำช่วยให้นักเทรดสามารถทำกำไรได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของค่าสเปรดต่ำ ได้แก่:

  • IC Markets: โบรกเกอร์รายนี้มีบัญชี ECN ที่มีค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเทรดด้วยต้นทุนต่ำ

  • Pepperstone: โบรกเกอร์รายนี้ให้บริการบัญชี Razor ที่มีค่าสเปรดต่ำมากและเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด

  • Exness: โบรกเกอร์ที่ให้บริการสเปรดต่ำสำหรับนักเทรดทั้งมือใหม่และมืออาชีพ โดยเฉพาะบัญชี Standard ที่มีค่าสเปรดเริ่มต้นเพียง 0.3 pip

สเปรดส่งผลอย่างไรต่อนักเทรด?

สเปรดส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการเทรด ยิ่งค่าสเปรดกว้างขึ้น นักเทรดจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการซื้อขายสูงขึ้น ทำให้กำไรสุทธิที่ได้ลดลง นักเทรดที่ทำการเทรดระยะสั้นหรือสเกลเปอร์ (Scalper) ซึ่งเน้นการทำกำไรจากความผันผวนในระยะสั้น จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสเปรดเป็นพิเศษ เนื่องจากทุก pip มีความสำคัญต่อกำไร

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณทำการเทรดคู่เงิน EUR/USD ที่มีค่าสเปรด 2 pip และต้องการทำกำไร 5 pip หากราคาขยับขึ้น 5 pip คุณจะได้รับกำไรสุทธิ 3 pip หลังหักค่าสเปรดแล้ว หากคุณเทรดในตลาดที่มีสเปรดต่ำกว่า เช่น 0.5 pip กำไรที่คุณจะได้รับจะเพิ่มขึ้น

สรุป

สเปรดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักเทรดทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพราะมันมีผลโดยตรงต่อต้นทุนและกำไรในการเทรด การเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดต่ำ เช่น IC Markets, Pepperstone และ Exness จะช่วยให้นักเทรดลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น การทำความเข้าใจในสเปรดและการใช้ประโยชน์จากมันจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักเทรดในทุกระดับ