Exness: Premium Trading on Forex, Gold & Crypto. Your search for the BEST SPREAD ends here!
สำหรับผู้ที่เริ่มต้นในตลาด Forex หนึ่งในคำที่คุณจะได้ยินบ่อย ๆ และต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็คือ “Spread” ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อต้นทุนในการเทรด Spread ถือเป็นค่าธรรมเนียมหลักที่นักเทรดต้องจ่ายในการเปิดสถานะซื้อขายทุกครั้ง การเข้าใจว่า Spread คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และมีผลอย่างไรต่อการเทรดในระยะยาวจะช่วยให้ผู้เริ่มต้นสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Spread คือส่วนต่างระหว่าง "ราคาซื้อ" (Bid) และ "ราคาขาย" (Ask) ของคู่สกุลเงินในตลาด Forex เมื่อนักเทรดต้องการซื้อสกุลเงินหนึ่ง ๆ พวกเขาจะต้องจ่ายราคาขาย (Ask) และเมื่อขายจะได้รับราคาซื้อ (Bid) ส่วนต่างระหว่างราคาทั้งสองนี้คือ Spread ซึ่งเป็นต้นทุนที่นักเทรดต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ที่ให้บริการในตลาด
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการซื้อขายคู่สกุลเงิน EUR/USD โบรกเกอร์เสนอราคาซื้อที่ 1.1010 และราคาขายที่ 1.1013 ส่วนต่างนี้คือ 3 pip ซึ่งก็คือ Spread ที่คุณต้องจ่าย
Spread คงที่ (Fixed Spread):
Spread ประเภทนี้จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้ตลาดจะมีความผันผวนหรือสภาพคล่องน้อย การใช้ Fixed Spread จะช่วยให้นักเทรดสามารถคำนวณต้นทุนการเทรดได้อย่างแม่นยำล่วงหน้า โบรกเกอร์ที่ให้บริการ Fixed Spread เช่น XM ซึ่งมีบัญชีที่เสนอ Spread คงที่สำหรับคู่สกุลเงินหลักในบางประเภทบัญชี
Spread ลอยตัว (Variable Spread):
Spread ลอยตัวจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพคล่องและความผันผวนของตลาด เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจหรือช่วงเวลาที่ตลาดมีการซื้อขายสูง Spread อาจกว้างขึ้น ในขณะที่ตลาดมีสภาพคล่องมากขึ้น Spread จะต่ำลง โบรกเกอร์ IC Markets ให้บริการ Variable Spread ในบัญชี ECN ซึ่งในบางครั้งค่าสเปรดสามารถเริ่มต้นได้ที่ 0.0 pip
Spread ในตลาด Forex ไม่ได้มีค่าเท่ากันเสมอไป แต่มักจะเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้:
สภาพคล่องของตลาด:
เมื่อคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมาก เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY ค่าสเปรดมักจะต่ำ เนื่องจากมีการซื้อขายอย่างต่อเนื่องและมีสภาพคล่องสูง แต่สำหรับคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายน้อย เช่น EUR/NZD ค่าสเปรดมักจะสูงกว่าคู่สกุลเงินหลัก เนื่องจากมีสภาพคล่องต่ำ
ช่วงเวลาที่ตลาดเปิดทำการ:
ในช่วงที่ตลาดหลักหลายแห่งเปิดทำการพร้อมกัน เช่น ตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ค่าสเปรดจะต่ำลงเนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายสูง แต่ในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดทำการน้อยหรือเป็นช่วงที่สภาพคล่องต่ำ ค่าสเปรดจะกว้างขึ้น
ความผันผวนของตลาด:
เมื่อมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น การประกาศข่าวเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมาก เช่น ข่าวการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหรือรายงาน Non-Farm Payrolls ของสหรัฐฯ ค่าสเปรดอาจขยายตัวขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากความไม่แน่นอนของตลาด
Spread มีผลโดยตรงต่อต้นทุนการเทรดของนักเทรด หาก Spread กว้างขึ้น ต้นทุนในการเทรดจะสูงขึ้น ซึ่งอาจลดกำไรที่นักเทรดสามารถทำได้ โดยเฉพาะนักเทรดระยะสั้นที่ทำการซื้อขายบ่อยครั้ง เช่น สเกลเปอร์ (Scalper) การที่ Spread ต่ำเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะต้นทุนต่อการซื้อขายจะน้อยลงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดสถานะซื้อ EUR/USD ที่มี Spread 2 pip เมื่อราคาขยับขึ้น 2 pip เท่ากับว่าคุณจะต้องจ่ายต้นทุนในการซื้อขายที่เป็น 2 pip จากกำไรที่คุณได้ทันที ดังนั้น หาก Spread กว้างขึ้น เช่น 5 pip ต้นทุนของคุณก็จะสูงขึ้น และกำไรของคุณจะลดลงตามไปด้วย
คู่สกุลเงินหลักในตลาด Forex มักมี Spread ที่ต่ำกว่าคู่สกุลเงินรองหรือคู่สกุลเงินแปลกใหม่ (Exotic) เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง ตัวอย่างของคู่สกุลเงินที่มี Spread ต่ำ เช่น:
EUR/USD: คู่เงินนี้เป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลกและมีสเปรดที่ต่ำ โบรกเกอร์อย่าง Pepperstone มีค่าสเปรดเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 0.0 pip ในบัญชี Razor
USD/JPY: เป็นอีกหนึ่งคู่สกุลเงินที่มีสเปรดต่ำ โดย Exness ให้บริการสเปรดเริ่มต้นที่ 0.1 pip ซึ่งเป็นคู่ที่นิยมในตลาดเอเชีย
GBP/USD: คู่สกุลเงินนี้มีความผันผวนสูงกว่า EUR/USD แต่ยังคงมีสเปรดที่ต่ำในบางช่วงเวลาของตลาด เช่น ในบัญชี Standard ของ IC Markets อาจมีสเปรดเฉลี่ยที่ 0.2-0.5 pip
การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดที่ต้องการลดต้นทุนการเทรด นักเทรดมือใหม่ควรพิจารณาโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการให้บริการสเปรดต่ำและมีการให้บริการโปร่งใส โบรกเกอร์ที่มีการให้บริการสเปรดต่ำที่นิยมได้แก่:
IC Markets: โบรกเกอร์นี้ให้บริการบัญชี ECN ที่มีค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดระยะสั้น
Pepperstone: โบรกเกอร์นี้ให้บริการบัญชี Razor ซึ่งมีค่าสเปรดต่ำและเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดทั่วโลก
Exness: เป็นโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและให้บริการทั้งบัญชี Standard และ ECN ซึ่งเหมาะกับนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ
Spread คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักเทรดทุกคนต้องคำนึงถึงในตลาด Forex เพราะเป็นค่าธรรมเนียมหลักที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำ เช่น IC Markets, Pepperstone และ Exness จะช่วยให้นักเทรดสามารถลดต้นทุนในการซื้อขายและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น การเข้าใจและวางแผนการเทรดตามค่าสเปรดจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในตลาด Forex