Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

Spread Forex คือ ? ทุกเรื่องที่ควรรู้สำหรับผู้เริ่มเทรด!

สำหรับผู้ที่เริ่มต้นในตลาด Forex หนึ่งในคำที่คุณจะได้ยินบ่อย ๆ และต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็คือ “Spread” ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อต้นทุนในการเทรด Spread ถือเป็นค่าธรรมเนียมหลักที่นักเทรดต้องจ่ายในการเปิดสถานะซื้อขายทุกครั้ง การเข้าใจว่า Spread คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และมีผลอย่างไรต่อการเทรดในระยะยาวจะช่วยให้ผู้เริ่มต้นสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Spread Forex คืออะไร?

Spread คือส่วนต่างระหว่าง "ราคาซื้อ" (Bid) และ "ราคาขาย" (Ask) ของคู่สกุลเงินในตลาด Forex เมื่อนักเทรดต้องการซื้อสกุลเงินหนึ่ง ๆ พวกเขาจะต้องจ่ายราคาขาย (Ask) และเมื่อขายจะได้รับราคาซื้อ (Bid) ส่วนต่างระหว่างราคาทั้งสองนี้คือ Spread ซึ่งเป็นต้นทุนที่นักเทรดต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ที่ให้บริการในตลาด

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการซื้อขายคู่สกุลเงิน EUR/USD โบรกเกอร์เสนอราคาซื้อที่ 1.1010 และราคาขายที่ 1.1013 ส่วนต่างนี้คือ 3 pip ซึ่งก็คือ Spread ที่คุณต้องจ่าย

ประเภทของ Spread

  1. Spread คงที่ (Fixed Spread):
    Spread ประเภทนี้จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้ตลาดจะมีความผันผวนหรือสภาพคล่องน้อย การใช้ Fixed Spread จะช่วยให้นักเทรดสามารถคำนวณต้นทุนการเทรดได้อย่างแม่นยำล่วงหน้า โบรกเกอร์ที่ให้บริการ Fixed Spread เช่น XM ซึ่งมีบัญชีที่เสนอ Spread คงที่สำหรับคู่สกุลเงินหลักในบางประเภทบัญชี

  2. Spread ลอยตัว (Variable Spread):
    Spread ลอยตัวจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพคล่องและความผันผวนของตลาด เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจหรือช่วงเวลาที่ตลาดมีการซื้อขายสูง Spread อาจกว้างขึ้น ในขณะที่ตลาดมีสภาพคล่องมากขึ้น Spread จะต่ำลง โบรกเกอร์ IC Markets ให้บริการ Variable Spread ในบัญชี ECN ซึ่งในบางครั้งค่าสเปรดสามารถเริ่มต้นได้ที่ 0.0 pip

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Spread

Spread ในตลาด Forex ไม่ได้มีค่าเท่ากันเสมอไป แต่มักจะเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้:

  1. สภาพคล่องของตลาด:
    เมื่อคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมาก เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY ค่าสเปรดมักจะต่ำ เนื่องจากมีการซื้อขายอย่างต่อเนื่องและมีสภาพคล่องสูง แต่สำหรับคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายน้อย เช่น EUR/NZD ค่าสเปรดมักจะสูงกว่าคู่สกุลเงินหลัก เนื่องจากมีสภาพคล่องต่ำ

  2. ช่วงเวลาที่ตลาดเปิดทำการ:
    ในช่วงที่ตลาดหลักหลายแห่งเปิดทำการพร้อมกัน เช่น ตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ค่าสเปรดจะต่ำลงเนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายสูง แต่ในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดทำการน้อยหรือเป็นช่วงที่สภาพคล่องต่ำ ค่าสเปรดจะกว้างขึ้น

  3. ความผันผวนของตลาด:
    เมื่อมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น การประกาศข่าวเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมาก เช่น ข่าวการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหรือรายงาน Non-Farm Payrolls ของสหรัฐฯ ค่าสเปรดอาจขยายตัวขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากความไม่แน่นอนของตลาด

ผลกระทบของ Spread ต่อการเทรด

Spread มีผลโดยตรงต่อต้นทุนการเทรดของนักเทรด หาก Spread กว้างขึ้น ต้นทุนในการเทรดจะสูงขึ้น ซึ่งอาจลดกำไรที่นักเทรดสามารถทำได้ โดยเฉพาะนักเทรดระยะสั้นที่ทำการซื้อขายบ่อยครั้ง เช่น สเกลเปอร์ (Scalper) การที่ Spread ต่ำเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะต้นทุนต่อการซื้อขายจะน้อยลงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดสถานะซื้อ EUR/USD ที่มี Spread 2 pip เมื่อราคาขยับขึ้น 2 pip เท่ากับว่าคุณจะต้องจ่ายต้นทุนในการซื้อขายที่เป็น 2 pip จากกำไรที่คุณได้ทันที ดังนั้น หาก Spread กว้างขึ้น เช่น 5 pip ต้นทุนของคุณก็จะสูงขึ้น และกำไรของคุณจะลดลงตามไปด้วย

Spread ในคู่สกุลเงินที่นิยม

คู่สกุลเงินหลักในตลาด Forex มักมี Spread ที่ต่ำกว่าคู่สกุลเงินรองหรือคู่สกุลเงินแปลกใหม่ (Exotic) เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง ตัวอย่างของคู่สกุลเงินที่มี Spread ต่ำ เช่น:

  • EUR/USD: คู่เงินนี้เป็นคู่ที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลกและมีสเปรดที่ต่ำ โบรกเกอร์อย่าง Pepperstone มีค่าสเปรดเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 0.0 pip ในบัญชี Razor

  • USD/JPY: เป็นอีกหนึ่งคู่สกุลเงินที่มีสเปรดต่ำ โดย Exness ให้บริการสเปรดเริ่มต้นที่ 0.1 pip ซึ่งเป็นคู่ที่นิยมในตลาดเอเชีย

  • GBP/USD: คู่สกุลเงินนี้มีความผันผวนสูงกว่า EUR/USD แต่ยังคงมีสเปรดที่ต่ำในบางช่วงเวลาของตลาด เช่น ในบัญชี Standard ของ IC Markets อาจมีสเปรดเฉลี่ยที่ 0.2-0.5 pip

การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำ

การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเทรดที่ต้องการลดต้นทุนการเทรด นักเทรดมือใหม่ควรพิจารณาโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการให้บริการสเปรดต่ำและมีการให้บริการโปร่งใส โบรกเกอร์ที่มีการให้บริการสเปรดต่ำที่นิยมได้แก่:

  • IC Markets: โบรกเกอร์นี้ให้บริการบัญชี ECN ที่มีค่าสเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pip ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดระยะสั้น

  • Pepperstone: โบรกเกอร์นี้ให้บริการบัญชี Razor ซึ่งมีค่าสเปรดต่ำและเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดทั่วโลก

  • Exness: เป็นโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและให้บริการทั้งบัญชี Standard และ ECN ซึ่งเหมาะกับนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ

สรุป

Spread คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักเทรดทุกคนต้องคำนึงถึงในตลาด Forex เพราะเป็นค่าธรรมเนียมหลักที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำ เช่น IC Markets, Pepperstone และ Exness จะช่วยให้นักเทรดสามารถลดต้นทุนในการซื้อขายและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น การเข้าใจและวางแผนการเทรดตามค่าสเปรดจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในตลาด Forex

CONTINUE TO SITE