Exness: Premium Trading on Forex, Gold & Crypto. Your search for the BEST SPREAD ends here!
การซื้อขายฟอเร็กซ์ (Forex) เป็นการซื้อขายคู่สกุลเงินต่าง ๆ ในตลาดการเงินระดับโลกที่มีความผันผวนสูง การซื้อขายนี้ไม่เสียค่าธรรมเนียมในรูปแบบตรงไปตรงมาเหมือนกับตลาดหุ้น แต่จะมีค่าใช้จ่ายในรูปแบบที่เรียกว่า “สเปรด” ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) สเปรดเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องพิจารณาเมื่อทำการซื้อขาย เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อผลกำไรของนักลงทุน นอกจากนี้ โบรกเกอร์แต่ละแห่งยังมีค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันในการให้บริการ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนจะต้องเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์เพื่อให้สามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สเปรดในฟอเร็กซ์หมายถึงส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายของคู่สกุลเงิน ตัวอย่างเช่น หากคู่เงิน EUR/USD มีราคาซื้ออยู่ที่ 1.1000 และราคาขายอยู่ที่ 1.1002 สเปรดในกรณีนี้จะเท่ากับ 2 จุด (pips) สเปรดนี้ถือเป็นต้นทุนการซื้อขายของนักลงทุนทุกครั้งที่ทำการซื้อหรือขาย โดยปกติแล้วสเปรดจะมีความแปรผันตามสภาวะตลาดและคู่เงินที่ทำการซื้อขาย
สเปรดในตลาดฟอเร็กซ์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่:
สเปรดคงที่ (Fixed Spread):
สเปรดประเภทนี้จะถูกตั้งค่าโดยโบรกเกอร์และจะไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด โบรกเกอร์ที่เสนอ Fixed Spread มักจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงในการคำนวณต้นทุนการซื้อขาย
สเปรดแปรผัน (Variable Spread):
สเปรดประเภทนี้จะแปรผันตามสภาพคล่องและความผันผวนของตลาด ในช่วงที่ตลาดมีความคึกคักและมีสภาพคล่องสูง สเปรดมักจะแคบลง แต่ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนหรือมีสภาพคล่องต่ำ สเปรดจะแผ่กว้างขึ้น โบรกเกอร์หลายรายเลือกใช้สเปรดแปรผันเพราะสามารถสะท้อนถึงสภาวะตลาดได้ดีกว่า
ในปัจจุบัน ตลาดฟอเร็กซ์มีสเปรดที่แคบลงกว่าเดิมอย่างมาก เนื่องจากการแข่งขันของโบรกเกอร์ที่สูงขึ้น โบรกเกอร์หลายรายเสนอ สเปรดเริ่มต้นที่ 0.0 pips ในบัญชีซื้อขายบางประเภท โดยเฉพาะบัญชีที่มีการเก็บค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขาย ข้อมูลจากการสำรวจในปี 2023 พบว่า โบรกเกอร์ชั้นนำ เช่น Exness, IC Markets และ Pepperstone เสนอค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำมาก โดยเฉพาะในคู่เงินหลัก เช่น EUR/USD และ GBP/USD ที่มีสเปรดเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 0.1-0.3 pips สำหรับบัญชีประเภท ECN
นอกจากนี้ จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้งาน พบว่าผู้ค้าส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับสเปรดแคบ เพราะช่วยลดต้นทุนในการซื้อขาย โดยเฉพาะเมื่อทำการซื้อขายในปริมาณมาก นอกจากนี้ การที่โบรกเกอร์สามารถเสนอค่าธรรมเนียมที่ต่ำยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรของนักลงทุนอีกด้วย
นอกจากสเปรดแล้ว ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่โบรกเกอร์อาจเก็บจากนักลงทุน ได้แก่:
ค่าคอมมิชชั่น (Commission):
บางโบรกเกอร์อาจเก็บค่าคอมมิชชั่นจากการเปิดและปิดคำสั่งซื้อขาย โดยทั่วไปแล้ว บัญชีที่มีสเปรดต่ำหรือไม่มีสเปรดมักจะมีการเก็บค่าคอมมิชชั่น ตัวอย่างเช่น บัญชี ECN มักจะเก็บค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ยที่ 7 ดอลลาร์ต่อการซื้อขาย 1 ล็อต
ค่าธรรมเนียมการฝากถอน:
โบรกเกอร์บางแห่งอาจเก็บค่าธรรมเนียมในการฝากหรือถอนเงิน แม้ว่าหลายโบรกเกอร์จะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมนี้ก็ตาม Exness เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากถอนเงิน ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ใช้ชื่นชอบ
ค่าธรรมเนียมค้างคืน (Swap Fee):
ค่าธรรมเนียมนี้จะถูกเก็บในกรณีที่นักลงทุนเปิดสถานะซื้อขายข้ามคืน โดยค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปตามคู่เงินและขนาดของการซื้อขาย นอกจากนี้ โบรกเกอร์บางรายยังมีบริการบัญชี Swap-Free สำหรับนักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมนี้
จากข้อมูลสถิติที่กล่าวถึงข้างต้น นักลงทุนที่ต้องการลดต้นทุนการซื้อขายควรพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ที่เสนอ สเปรดต่ำ และมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่โปร่งใส นอกจากนี้ นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีการให้บริการด้านการสนับสนุนลูกค้าที่ดี และมีระบบการฝากถอนที่รวดเร็วและไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
Exness เป็นโบรกเกอร์หนึ่งที่นักลงทุนในไทยให้ความนิยม เพราะมี สเปรดที่ต่ำ การซื้อขายที่รวดเร็ว และการฝากถอนที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ Exness ยังมี แชทสด ที่รองรับภาษาไทย และการให้บริการที่ครอบคลุมทั้งในด้านเทคนิคและคำแนะนำการซื้อขาย
สเปรดเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อขายฟอเร็กซ์อย่างมาก เพราะเป็นต้นทุนหลักในการซื้อขาย การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ การเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ เช่น ค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมค้างคืน จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ