Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

mt4กับmt5ต่างกันยังไงค่ะ

MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายที่พัฒนาโดย MetaQuotes Software ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในวงการซื้อขาย Forex ทั้งสองแพลตฟอร์มนี้มีความคล้ายคลึงกันในหลายๆ ด้าน แต่ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนที่เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่ต่างกัน บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงความแตกต่างระหว่าง MT4 และ MT5 อย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจว่าแพลตฟอร์มใดเหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุด

ประวัติและการพัฒนา

MT4 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 โดยเน้นไปที่การซื้อขายในตลาด Forex เป็นหลัก ความสำเร็จของ MT4 มาจากความสามารถในการปรับแต่งอินดิเคเตอร์และการพัฒนาระบบเทรดอัตโนมัติ (Expert Advisors หรือ EA) ที่รองรับเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

ในปี 2010 MetaQuotes ได้เปิดตัว MT5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาขึ้นจาก MT4 โดยมีฟีเจอร์ที่หลากหลายมากขึ้นและรองรับการซื้อขายในตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ MT5 ยังเพิ่มฟังก์ชันที่สามารถตอบสนองต่อผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องมือที่ทันสมัยกว่า

ความแตกต่างของโครงสร้างพื้นฐาน

หนึ่งในความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง MT4 และ MT5 คือโครงสร้างของแพลตฟอร์ม MT4 ถูกออกแบบมาให้รองรับการซื้อขาย Forex และตลาดอนุพันธ์อื่น ๆ ในขณะที่ MT5 ถูกออกแบบมาให้รองรับทั้งตลาด Forex ตลาดหุ้น และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ด้วยการออกแบบที่ต่างกันนี้ ทำให้ MT5 มีความสามารถในการดำเนินการคำสั่งซื้อมากกว่า MT4

MT4 ใช้การประมวลผลแบบ FIFO (First In First Out) ซึ่งเหมาะสำหรับการซื้อขาย Forex แต่ MT5 ได้เพิ่มการรองรับการประมวลผลคำสั่งซื้อมากขึ้นถึง 4 แบบ ได้แก่ Buy Stop, Sell Stop, Buy Limit และ Sell Limit นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Depth of Market (DOM) ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถดูความต้องการของตลาดได้ละเอียดมากขึ้น

อินดิเคเตอร์และเครื่องมือวิเคราะห์

ในส่วนของเครื่องมือวิเคราะห์ MT4 มีอินดิเคเตอร์มาตรฐานทั้งหมด 30 ชนิด ซึ่งเพียงพอสำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นการวิเคราะห์พื้นฐาน แต่ MT5 ได้เพิ่มอินดิเคเตอร์มาอีกถึง 38 ชนิด เพื่อรองรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ที่ซับซ้อนกว่า นอกจากนี้ MT5 ยังรองรับการเพิ่มกรอบเวลาการแสดงผลมากถึง 21 กรอบเวลา เมื่อเทียบกับ MT4 ที่มีเพียง 9 กรอบเวลาเท่านั้น ทำให้ MT5 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมุมมองในระยะเวลาที่หลากหลายและละเอียดมากขึ้น

การทดสอบกลยุทธ์การเทรด

MT4 สามารถทดสอบกลยุทธ์การเทรด (Backtesting) ได้แบบ Single-thread ซึ่งหมายความว่าสามารถทดสอบได้ทีละขั้นตอน แต่ MT5 ได้เพิ่มการทดสอบแบบ Multi-thread ซึ่งสามารถทดสอบหลายกลยุทธ์ได้พร้อมกัน ทำให้เทรดเดอร์สามารถประเมินความแม่นยำและประสิทธิภาพของกลยุทธ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น การทดสอบกลยุทธ์บน MT5 สามารถทดสอบได้หลายคู่สกุลเงินพร้อมกันและยังสามารถจำลองการเคลื่อนไหวของราคาที่ซับซ้อนได้มากกว่าใน MT4 ทำให้การทดสอบกลยุทธ์มีความสมจริงและแม่นยำมากขึ้น

การจัดการคำสั่งซื้อขาย

MT4 สามารถจัดการคำสั่งซื้อขายได้ในรูปแบบ Hedging เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์สามารถเปิดตำแหน่งซื้อและขายในสินทรัพย์เดียวกันได้พร้อมกัน แต่ MT5 รองรับทั้งการซื้อขายแบบ Hedging และ Netting ซึ่งทำให้สามารถจัดการคำสั่งซื้อขายในตลาดหุ้นและอนุพันธ์ได้ดียิ่งขึ้น เทรดเดอร์ในตลาดหุ้นมักนิยมใช้ระบบ Netting เนื่องจากสามารถสรุปตำแหน่งทั้งหมดของสินทรัพย์ในบัญชีเดียว

EA และการพัฒนาระบบ

การพัฒนา EA ใน MT4 และ MT5 มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน MT4 ใช้ภาษา MQL4 ในการพัฒนา EA ซึ่งมีข้อจำกัดในบางฟังก์ชัน แต่ MT5 ได้พัฒนาภาษาใหม่ที่เรียกว่า MQL5 ซึ่งมีความสามารถมากกว่าในการวิเคราะห์เชิงปริมาณและการคำนวณเชิงซ้อน นอกจากนี้ MQL5 ยังสามารถทำงานได้เร็วกว่า MQL4 ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในตลาดที่มีความผันผวนสูงและต้องการการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์

กรณีศึกษาจากผู้ใช้จริง

จากข้อมูลของโบรกเกอร์หลายราย เช่น Exness และ XM พบว่า MT4 ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มเทรดเดอร์ที่เน้นการซื้อขายในตลาด Forex อย่างเดียว เนื่องจากอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและความเสถียรในการทำงาน แต่ MT5 กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มเทรดเดอร์ที่ซื้อขายในหลายตลาดและต้องการฟีเจอร์ที่หลากหลายมากกว่า โดยเฉพาะในตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์

ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ที่ใช้ MT5 บนแพลตฟอร์มของ Exness พบว่า MT5 มีความยืดหยุ่นในการวิเคราะห์ข้อมูลและการปรับแต่งกรอบเวลาที่เหมาะกับการวิเคราะห์ระยะสั้นและยาว ทำให้การตัดสินใจซื้อขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป

MT4 และ MT5 มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในหลายด้าน MT4 เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นการซื้อขาย Forex เป็นหลักและต้องการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ส่วน MT5 เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการฟีเจอร์ที่หลากหลายและรองรับการซื้อขายในหลายตลาด เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และตราสารหนี้ นอกจากนี้ MT5 ยังมีความสามารถในการทดสอบกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า

CONTINUE TO SITE