Exness: Premium Trading on Forex, Gold & Crypto. Your search for the BEST SPREAD ends here!
แพลตฟอร์ม MetaTrader เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นักเทรดทั่วโลกนิยมใช้ในการซื้อขาย Forex โดยแพลตฟอร์มที่เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนักเทรดคือ MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) แพลตฟอร์มทั้งสองนี้พัฒนาโดย MetaQuotes Software และแม้ว่า MT4 จะเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดตัวก่อน แต่ MT5 ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักเทรดหลายคนอาจสงสัยว่า MT4 และ MT5 แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้งานแพลตฟอร์มใดในการเทรด Forex เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
อินเตอร์เฟสและการใช้งานทั่วไป
MT4: MT4 มีอินเตอร์เฟสที่ง่ายต่อการใช้งาน ทำให้นักเทรดมือใหม่สามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างสะดวก ตัวแพลตฟอร์มมีเครื่องมือพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์ตลาดและการเทรดอย่างครบครัน เช่น ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค, กราฟราคา, และเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์กราฟ
MT5: สำหรับ MT5 นั้นได้รับการพัฒนาให้มีอินเตอร์เฟสที่คล้ายกับ MT4 แต่เพิ่มความสามารถในการใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น โดยมีเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ขั้นสูง เช่น การเพิ่มจำนวน Timeframe และการเพิ่มตัวเลือกในการใช้งานกราฟหลากหลายรูปแบบ
ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators)
MT4: มีตัวบ่งชี้ทางเทคนิคมาตรฐานให้เลือกใช้งานทั้งหมด 30 ตัว ซึ่งครอบคลุมการวิเคราะห์แนวโน้มและความผันผวนของตลาดอย่างเพียงพอสำหรับนักเทรดมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการการวิเคราะห์พื้นฐาน
MT5: มีตัวบ่งชี้ทางเทคนิคมาตรฐานมากถึง 38 ตัว ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายและเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงอื่นๆ
การวิเคราะห์กราฟ (Charting Tools)
MT4: MT4 รองรับกรอบเวลาทั้งหมด 9 รูปแบบ (Timeframe) ซึ่งครอบคลุมการวิเคราะห์ตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงมีความสามารถในการเปิดกราฟได้สูงสุด 4 กราฟในเวลาเดียวกัน
MT5: ในขณะที่ MT5 รองรับการใช้งานกรอบเวลามากกว่า MT4 คือ 21 กรอบเวลา ทำให้นักเทรดสามารถเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับกลยุทธ์การเทรดได้มากขึ้น นอกจากนี้ MT5 ยังสามารถเปิดกราฟได้มากถึง 100 กราฟพร้อมกัน
การจัดการคำสั่งซื้อขายเป็นอีกหนึ่งความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง MT4 และ MT5 เนื่องจาก MT5 ได้รับการพัฒนาเพื่อรองรับคำสั่งซื้อขายที่ซับซ้อนมากขึ้น
MT4: รองรับคำสั่งซื้อขาย 4 รูปแบบหลักคือ Buy, Sell, Buy Stop และ Sell Stop ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในการเทรด Forex
MT5: เพิ่มการรองรับคำสั่งซื้อขายถึง 6 รูปแบบ รวมถึง Buy Limit และ Sell Limit ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถควบคุมการเปิดและปิดสถานะการเทรดได้อย่างละเอียดและแม่นยำมากขึ้น
นอกจากนี้ MT5 ยังมีความสามารถในการจัดการบัญชีหลายบัญชี (Multi-account) ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการบริหารจัดการบัญชีเทรดหลายบัญชีในเวลาเดียวกันโดยไม่ต้องสลับบัญชีไปมา
MT5 มีฟีเจอร์การวิเคราะห์ตลาดที่พัฒนาเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับ MT4 ไม่ว่าจะเป็น Depth of Market (DOM) ที่ช่วยให้นักเทรดสามารถดูความต้องการซื้อขายในตลาดได้แบบเรียลไทม์ หรือฟีเจอร์ Economic Calendar ที่เป็นปฏิทินเศรษฐกิจในตัวแพลตฟอร์ม ทำให้นักเทรดสามารถติดตามข่าวสารที่มีผลต่อราคาตลาดได้ทันที
ฟีเจอร์ DOM เหมาะสำหรับนักเทรดที่ทำการเทรดในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง เช่น ตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก DOM สามารถช่วยให้นักเทรดมองเห็นภาพรวมของการซื้อขายที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา ซึ่ง MT4 ไม่มีฟีเจอร์นี้
MT4: ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเทรด Forex และ CFDs เท่านั้น โดยแพลตฟอร์มนี้เน้นไปที่การใช้งานในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถใช้งานกับสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้น, ฟิวเจอร์ส, หรือพันธบัตรได้
MT5: รองรับการเทรดในหลายตลาดนอกเหนือจาก Forex และ CFDs เช่น ตลาดหุ้น, พันธบัตร, และฟิวเจอร์ส ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงตลาดการเงินหลากหลายประเภท
การดำเนินการซื้อขายเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักเทรดที่ต้องการความรวดเร็วและแม่นยำในการเปิดและปิดการซื้อขาย MT5 ได้เพิ่มฟีเจอร์การดำเนินการซื้อขายที่หลากหลายมากกว่า MT4 ซึ่งมีฟีเจอร์การดำเนินการซื้อขาย 4 ประเภท
Instant Execution (การดำเนินการทันที)
Market Execution (การดำเนินการตามตลาด)
Request Execution (การดำเนินการตามคำขอ)
Exchange Execution (การดำเนินการตามการแลกเปลี่ยน)
โดย MT5 มีฟีเจอร์ Exchange Execution ที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่ทำการซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดหุ้นหรือฟิวเจอร์ส ซึ่ง MT4 ไม่มีฟีเจอร์นี้
อีกหนึ่งข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง MT4 และ MT5 คือฟีเจอร์การทำ Backtesting หรือการทดสอบกลยุทธ์การเทรดย้อนหลัง โดย MT5 มีระบบการทำ Backtesting ที่สามารถทดสอบกลยุทธ์ได้หลายคู่สกุลเงินพร้อมกัน ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์ในตลาดจริงได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ MT5 ยังรองรับการทดสอบในโหมด "Multi-Threaded" ที่ช่วยให้การทดสอบกลยุทธ์ทำได้รวดเร็วกว่าการทดสอบใน MT4 ที่เป็นระบบ "Single-Threaded"
จากการเปรียบเทียบระหว่าง MT4 และ MT5 ทั้งสองแพลตฟอร์มมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน MT4 เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้นการเทรด Forex และต้องการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและมีความเสถียรสูง ในขณะที่ MT5 เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนและต้องการเข้าถึงตลาดการเงินหลากหลายประเภทมากกว่า ทั้งนี้ การเลือกใช้งานแพลตฟอร์มใด ขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายการเทรดของนักเทรด