Login
Sign Up
OR
Forgotten Password
Login
This site is protected by reCAPTCHA and the Google Privacy Policy and Terms of Service apply.
English
中文
日本語
ID
Vietnam
한국어
Filipino
   Academy Menu

MT4 vs MT5 ต่างกันยังไง ควรใช้อะไรเทรด Forex มากกว่า?

แพลตฟอร์ม MetaTrader เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นักเทรดทั่วโลกนิยมใช้ในการซื้อขาย Forex โดยแพลตฟอร์มที่เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนักเทรดคือ MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) แพลตฟอร์มทั้งสองนี้พัฒนาโดย MetaQuotes Software และแม้ว่า MT4 จะเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดตัวก่อน แต่ MT5 ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักเทรดหลายคนอาจสงสัยว่า MT4 และ MT5 แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้งานแพลตฟอร์มใดในการเทรด Forex เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ความแตกต่างของฟีเจอร์ใน MT4 และ MT5

  1. อินเตอร์เฟสและการใช้งานทั่วไป

    • MT4: MT4 มีอินเตอร์เฟสที่ง่ายต่อการใช้งาน ทำให้นักเทรดมือใหม่สามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างสะดวก ตัวแพลตฟอร์มมีเครื่องมือพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์ตลาดและการเทรดอย่างครบครัน เช่น ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค, กราฟราคา, และเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์กราฟ

    • MT5: สำหรับ MT5 นั้นได้รับการพัฒนาให้มีอินเตอร์เฟสที่คล้ายกับ MT4 แต่เพิ่มความสามารถในการใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น โดยมีเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ขั้นสูง เช่น การเพิ่มจำนวน Timeframe และการเพิ่มตัวเลือกในการใช้งานกราฟหลากหลายรูปแบบ

  2. ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators)

    • MT4: มีตัวบ่งชี้ทางเทคนิคมาตรฐานให้เลือกใช้งานทั้งหมด 30 ตัว ซึ่งครอบคลุมการวิเคราะห์แนวโน้มและความผันผวนของตลาดอย่างเพียงพอสำหรับนักเทรดมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการการวิเคราะห์พื้นฐาน

    • MT5: มีตัวบ่งชี้ทางเทคนิคมาตรฐานมากถึง 38 ตัว ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึกมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ตัวบ่งชี้ที่ใช้ในการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายและเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงอื่นๆ

  3. การวิเคราะห์กราฟ (Charting Tools)

    • MT4: MT4 รองรับกรอบเวลาทั้งหมด 9 รูปแบบ (Timeframe) ซึ่งครอบคลุมการวิเคราะห์ตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงมีความสามารถในการเปิดกราฟได้สูงสุด 4 กราฟในเวลาเดียวกัน

    • MT5: ในขณะที่ MT5 รองรับการใช้งานกรอบเวลามากกว่า MT4 คือ 21 กรอบเวลา ทำให้นักเทรดสามารถเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับกลยุทธ์การเทรดได้มากขึ้น นอกจากนี้ MT5 ยังสามารถเปิดกราฟได้มากถึง 100 กราฟพร้อมกัน

การจัดการคำสั่งซื้อขายใน MT4 และ MT5

การจัดการคำสั่งซื้อขายเป็นอีกหนึ่งความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง MT4 และ MT5 เนื่องจาก MT5 ได้รับการพัฒนาเพื่อรองรับคำสั่งซื้อขายที่ซับซ้อนมากขึ้น

  1. MT4: รองรับคำสั่งซื้อขาย 4 รูปแบบหลักคือ Buy, Sell, Buy Stop และ Sell Stop ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในการเทรด Forex

  2. MT5: เพิ่มการรองรับคำสั่งซื้อขายถึง 6 รูปแบบ รวมถึง Buy Limit และ Sell Limit ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถควบคุมการเปิดและปิดสถานะการเทรดได้อย่างละเอียดและแม่นยำมากขึ้น

นอกจากนี้ MT5 ยังมีความสามารถในการจัดการบัญชีหลายบัญชี (Multi-account) ซึ่งเหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการบริหารจัดการบัญชีเทรดหลายบัญชีในเวลาเดียวกันโดยไม่ต้องสลับบัญชีไปมา

การวิเคราะห์ตลาดและเครื่องมืออื่น ๆ ใน MT5

MT5 มีฟีเจอร์การวิเคราะห์ตลาดที่พัฒนาเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับ MT4 ไม่ว่าจะเป็น Depth of Market (DOM) ที่ช่วยให้นักเทรดสามารถดูความต้องการซื้อขายในตลาดได้แบบเรียลไทม์ หรือฟีเจอร์ Economic Calendar ที่เป็นปฏิทินเศรษฐกิจในตัวแพลตฟอร์ม ทำให้นักเทรดสามารถติดตามข่าวสารที่มีผลต่อราคาตลาดได้ทันที

ฟีเจอร์ DOM เหมาะสำหรับนักเทรดที่ทำการเทรดในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง เช่น ตลาดหุ้น หรือสินทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก DOM สามารถช่วยให้นักเทรดมองเห็นภาพรวมของการซื้อขายที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา ซึ่ง MT4 ไม่มีฟีเจอร์นี้

การรองรับตลาดหลายประเภท

  1. MT4: ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเทรด Forex และ CFDs เท่านั้น โดยแพลตฟอร์มนี้เน้นไปที่การใช้งานในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถใช้งานกับสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้น, ฟิวเจอร์ส, หรือพันธบัตรได้

  2. MT5: รองรับการเทรดในหลายตลาดนอกเหนือจาก Forex และ CFDs เช่น ตลาดหุ้น, พันธบัตร, และฟิวเจอร์ส ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงตลาดการเงินหลากหลายประเภท

ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการซื้อขาย

การดำเนินการซื้อขายเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักเทรดที่ต้องการความรวดเร็วและแม่นยำในการเปิดและปิดการซื้อขาย MT5 ได้เพิ่มฟีเจอร์การดำเนินการซื้อขายที่หลากหลายมากกว่า MT4 ซึ่งมีฟีเจอร์การดำเนินการซื้อขาย 4 ประเภท

  1. Instant Execution (การดำเนินการทันที)

  2. Market Execution (การดำเนินการตามตลาด)

  3. Request Execution (การดำเนินการตามคำขอ)

  4. Exchange Execution (การดำเนินการตามการแลกเปลี่ยน)

โดย MT5 มีฟีเจอร์ Exchange Execution ที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่ทำการซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดหุ้นหรือฟิวเจอร์ส ซึ่ง MT4 ไม่มีฟีเจอร์นี้

ตัวเลือกการเทรดและการทำ Backtesting

อีกหนึ่งข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง MT4 และ MT5 คือฟีเจอร์การทำ Backtesting หรือการทดสอบกลยุทธ์การเทรดย้อนหลัง โดย MT5 มีระบบการทำ Backtesting ที่สามารถทดสอบกลยุทธ์ได้หลายคู่สกุลเงินพร้อมกัน ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์ในตลาดจริงได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ MT5 ยังรองรับการทดสอบในโหมด "Multi-Threaded" ที่ช่วยให้การทดสอบกลยุทธ์ทำได้รวดเร็วกว่าการทดสอบใน MT4 ที่เป็นระบบ "Single-Threaded"

สรุป

จากการเปรียบเทียบระหว่าง MT4 และ MT5 ทั้งสองแพลตฟอร์มมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน MT4 เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่เน้นการเทรด Forex และต้องการแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและมีความเสถียรสูง ในขณะที่ MT5 เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนและต้องการเข้าถึงตลาดการเงินหลากหลายประเภทมากกว่า ทั้งนี้ การเลือกใช้งานแพลตฟอร์มใด ขึ้นอยู่กับความต้องการและเป้าหมายการเทรดของนักเทรด

CONTINUE TO SITE